บริษัทฯ ประเมินความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนภายในกลุ่มบริษัทฯ ตั้งแต่ปี 2558 เพื่อระบุมาตรการป้องกันและลดผลกระทบจากความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนในการดำเนินงานของบริษัทฯ ตลอดห่วงโซ่คุณค่า โดยการประเมินความเสี่ยงนี้ครอบคลุมกิจกรรมต่างๆ ในระดับประเทศ กลุ่มอุตสาหกรรม และระดับพื้นที่ปฏิบัติการที่กลุ่มบริษัทฯ ดำเนินธุรกิจ และบริษัทร่วมทุนที่บริษัทฯ มีสิทธิในการควบคุมการจัดการ รวมถึงคู่ค้าที่สำคัญในกลุ่มจัดหาวัตถุดิบ สินค้า และการบริการของบริษัทฯ เป็นประจำทุกปี

เพื่อจัดทำแนวทางการจัดการในพื้นที่ปฏิบัติการที่มีความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการระบุประเด็นด้านสิทธิมนุษยชนที่เกี่ยวข้อง การประเมินผลกระทบที่เกิดขึ้นหรืออาจเกิดขึ้นกับกลุ่มเสี่ยงและกลุ่มเปราะบาง เช่น เด็ก ผู้พิการ สตรี ชนกลุ่มน้อย ผู้อพยพ แรงงานที่ว่าจ้างผ่านบุคคลที่สาม ชนพื้นเมือง ชุมชนท้องถิ่น เพศทางเลือก ผู้สูงอายุ และสตรีตั้งครรภ์ และการประเมินโอกาสที่อาจเกิดผลกระทบในระดับประเทศ ระดับปฏิบัติงาน และระดับบุคคล โดยเกณฑ์การประเมินความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนพิจารณาจาก 2 ปัจจัย ได้แก่ โอกาสที่จะเกิดขึ้นและผลกระทบ ครอบคลุมสิทธิมนุษยชน ทั้ง 6 ด้าน ได้แก่ สิทธิแรงงาน สิทธิชุมชน ห่วงโซ่อุปทาน ความมั่นคงปลอดภัย สิ่งแวดล้อม และสิทธิผู้บริโภค

จากผลการประเมินความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชน บริษัทฯ ได้กำหนดมาตรการควบคุมและบรรเทาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น และประเมินความเสี่ยงที่เหลืออยู่ (Residual Risks) หลังจากจัดทำแนวทางการป้องกันและแก้ไขด้านสิทธิมนุษยชนในการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ เพื่อให้มั่นใจว่าการบริหารจัดการด้านสิทธิมนุษยชนของบริษัทฯ มีประสิทธิภาพในการควบคุมผลกระทบตลอดห่วงโซ่คุณค่า

แผนผังประเมินความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนของบริษัทฯ

ระดับความเสี่ยง

เกณฑ์การประเมินความเสี่ยง: ผลกระทบ

ผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชนขึ้นอยู่กับปัจจัยด้านขนาด ขอบข่าย และข้อจำกัดของความสามารถในการฟื้นฟูแก้ไขผลกระทบด้านลบที่เกิดขึ้นอย่างน้อยให้กลับไปมีสภาพดังเดิม

ระดับของผลกระทบ

4 สูงมาก

ลักษณะของผลกระทบ
  • ผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชนส่งผลกระทบในวงกว้างหรือส่งผลต่อกลุ่มประชากรที่เกินกว่าขอบเขตของพื้นที่ปฏิบัติการ
  • บริษัทฯ ไม่สามารถควบคุมหรือบรรเทาผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชนเพื่อฟื้นฟูให้ผู้ที่ถูกละเมิดสิทธิมนุษยชนได้สิทธินั้นกลับคืนมาได้
  • ผลกระทบ / เหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับด้านสิทธิมนุษยชนมีความจำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือจากหน่วยงานภายนอกที่เป็นอิสระ และมีความน่าเชื่อถือ เพื่อไกล่เกลี่ยปัญหาร่วมกับบริษัทฯ

ระดับของผลกระทบ

3 สูง

ลักษณะของผลกระทบ
  • บริษัทฯ มีความจงใจในการให้ความช่วยเหลือ หรือให้การสนับสนุนการดำเนินงานที่ก่อให้เกิดการละเมิดด้านสิทธิมนุษยชน (Legal Complicity)
  • ผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชนที่เป็นผลจากการดำเนินงานของบริษัทฯ หรือห่วงโซ่คุณค่าของบริษัทฯ ส่งผลกระทบต่อผู้มีส่วนได้เสียในพื้นที่ปฏิบัติการ
  • บริษัทฯ มีความขัดแย้งด้านสิทธิมนุษยชนกับกลุ่มเสี่ยง หรือกลุ่มที่ต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษ (Vulnerable Group)

ระดับของผลกระทบ

2 ปานกลาง

ลักษณะของผลกระทบ
  • บริษัทฯ ได้รับผลประโยชน์จากการดำเนินงานที่ก่อให้เกิดการละเมิดด้านสิทธิมนุษยชนโดยหน่วยงานอื่น (Non-Legal Complicity)
  • บริษัทฯ ไม่สามารถตอบสนองต่อข้อกังวลที่เกี่ยวข้องกับด้านสิทธิมนุษยชนจากผู้มีส่วนได้เสียภายในหรือภายนอกได้

ระดับของผลกระทบ

1 ต่ำ

ลักษณะของผลกระทบ
  • ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากข้อกังวลด้านสิทธิมนุษยชนที่ได้รับจากผู้มีส่วนได้เสียจากภายในหรือภายนอกได้รับการป้องกันแก้ไขในระดับพื้นที่ปฏิบัติการ และโดยกลไกการจัดการข้อร้องเรียนของบริษัทฯ

เกณฑ์การประเมินความเสี่ยง: โอกาสที่จะเกิดขึ้น

ระดับโอกาสที่จะเกิดขึ้น ลักษณะของโอกาสที่จะเกิดขึ้น
4 มีโอกาสสูง (>25%) เหตุการณ์เกิดขึ้นภายในพื้นที่ปฏิบัติการหลายครั้งต่อปี
3 มีโอกาสปานกลาง (10-25%) เหตุการณ์เกิดขึ้นในพื้นที่ปฏิบัติการเป็นครั้งคราว
2 มีโอกาสน้อย (1-10%) เหตุการณ์เกิดขึ้นในพื้นที่ปฏิบัติการน้อยมาก แต่มีความเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้น
1 มีโอกาสน้อยมาก (<1%) เหตุการณ์เกิดขึ้นในอุตสาหกรรมที่เป็นประเภทเดียวกับพื้นที่ปฏิบัติการ แต่เหตุการณ์ดังกล่าวมีความเป็นไปได้น้อยที่จะเกิดขึ้นกับพื้นที่ปฏิบัติการ

ผลการประเมินความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชน (Results from Human Rights Risk Assessment)

พื้นที่ปฏิบัติการของบริษัทฯ
(รวมถึงบริษัทร่วมทุนที่บริษัทฯ มีสิทธิในการควบคุมการจัดการ)
คู่ค้าในกลุ่มจัดหาวัตถุดิบ
(Tier 1 Feedstock Suppliers)
คู่ค้าในกลุ่มจัดหาสินค้า และบริการอื่น ๆ
(Tier 1 Non-Feedstock Suppliers)
ประเด็นความเสี่ยงที่เกี่ยวข้อง
สิทธิแรงงาน สิทธิชุมชน สายโซ่อุปทาน ความมั่นคงปลอดภัย สิ่งแวดล้อม สิทธิผู้บริโภค
  • สภาพการจ้างงาน
  • สุขภาพและความปลอดภัย ของพนักงาน
  • เสรีภาพในการสมาคมและการเจรจาต่อรอง
  • การเลือกปฏิบัติต่อพนักงาน
  • การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงาน
  • สุขภาพและความปลอดภัยในชุมชน
  • มาตรฐานการครองชีพและคุณภาพชีวิตของคนในชุมชน
  • การโยกย้ายถิ่นฐาน
  • การจ้างแรงงานผิดกฎหมายจากการจัดหาวัตถุดิบ (Feedstock)
  • การเลือกปฏิบัติต่อคู่ค้าที่จัดหาวัตถุดิบ (Feedstock)
  • การจ้างแรงงานผิดกฎหมายจากการจัดหาสินค้าและบริการอื่นๆ (Non-Feedstock)
  • การเลือกปฏิบัติต่อคู่ค้าที่จัดหาสินค้าและบริการอื่นๆ (Non-Feedstock)
  • การจัดการความปลอดภัย
  • ผลกระทบเชิงลบทางสิ่งแวดล้อม
  • สุขภาพและความปลอดภัยของลูกค้า
  • การเลือกปฏิบัติต่อลูกค้า
  • การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า

ร้อยละของพื้นที่ปฏิบัติการที่มีความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนและมีแนวทางการควบคุม

ร้อยละของพื้นที่ปฏิบัติการที่ได้รับการประเมินความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชน ร้อยละของพื้นที่ปฏิบัติการที่พบว่ามีความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชน ร้อยละของพื้นที่ปฏิบัติการที่มีความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนที่มีการป้องกัน บรรเทา และกระบวนการเยียวยาผลกระทบ
พื้นที่ปฏิบัติการของบริษัทฯ ทั้งหมด 100 (18 พื้นที่ปฏิบัติการ) 83.33 100*
คู่ค้าทางธุรกิจที่สำคัญในกลุ่มจัดหาวัตถุดิบ และการบริการ (Tier 1 Feedstock and 1 Non-Feedstock Suppliers) 100 (1,898 ราย) 99.68 100**
พื้นที่ปฏิบัติการของบริษัทร่วมทุนทั้งหมด*** 100 (7 พื้นที่ปฏิบัติการ) 100 100

หมายเหตุ: ข้อมูลผลการประเมินเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชน ปี 2021

* ร้อยละ 100 ของพื้นที่ปฏิบัติการของบริษัทฯ ที่มีความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชน (หรือคิดเป็นจำนวน 15 พื้นที่) ได้กำหนดแนวทางการควบคุมความเสี่ยงทางด้านสิทธิมนุษยชนเพื่อป้องกันและลดผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้น

** ร้อยละ 100 ของคู่ค้าทั้งหมด ที่มีความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชน (หรือคิดเป็นจำนวน 1,898 ราย) ได้กำหนดแนวทางการควบคุมความเสี่ยงทางด้านสิทธิมนุษยชนเพื่อป้องกันและลดผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้น

*** บริษัทฯ มีอำนาจในการควบคุมจัดการกับบริษัทร่วมทุนทั้งหมด

ประเด็นที่สำคัญด้านสิทธิมนุษยชนซึ่งเกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ

ระดับความเสี่ยง

จากการประเมินความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนในพื้นที่ปฏิบัติการของบริษัทฯ (รวมคู่ธุรกิจที่บริษัทฯ มีสิทธิในการควบคุมการจัดการ) พบว่า พื้นที่ปฏิบัติการของบริษัทฯ มีระดับความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนที่เหลืออยู่ อยู่ในระดับปานกลางถึงระดับสูง โดยบริษัทฯ ได้จัดทำแนวทางควบคุมและฟื้นฟูประเด็นความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชน ดังนี้

1. สุขภาพและความปลอดภัยของพนักงาน
ประเด็นอุบัติหตุที่เกิดจากการขับขี่ยานพาหนะในพื้นที่ปฏิบัติการ

รายละเอียด:

  • ผลกระทบต่อสุขภาพและความปลอดภัยของพนักงานและผู้รับเหมา ที่เกิดจากอุบัติเหตุจากการขับขี่ยานพาหนะในพื้นที่ปฏิบัติการ

มาตรการบรรเทาผลกระทบ:

  • ประเมินจุดเสี่ยงด้านการจราจรและใช้มาตรการป้องกันในสถานที่ปฏิบัติงานทั้งหมด
  • จัดระเบียบการจราจร โดยกำหนดจุดเตือนตามทางเลี้ยว ทางแยก และจัดสรรเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเพื่อให้สัญญาณในบริเวณที่มีความเสี่ยง
  • จัดอบรมด้านความปลอดภัยและกิจกรรมเพื่อสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัย (B-CAREs)
2. สุขภาพ และความปลอดภัยในชุมชน
ประเด็นจากกิจกรรมการหยุดซ่อมบำรุง

รายละเอียด:

  • ผลกระทบทางเสียง กลิ่น ควัน ฝุ่น แสง และความสั่นสะเทือน ที่อาจเกิดจากกิจกรรมการหยุดซ่อมบำรุงจากพื้นที่ปฏิบัติการของบริษัทฯ

มาตรการบรรเทาผลกระทบ:

  • ปฏิบัติตามและติดตามตรวจสอบมาตรการการบรรเทาผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมที่ระบุอยู่ในรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม
  • ดำเนินกิจกรรมการหยุดซ่อมบำรุงตามนโยบายคุณภาพ ความมั่นคง ความปลอดภัย อาชีวอนามัย สิ่งแวดล้อม และความต่อเนื่องทางธุรกิจ
  • ใช้ระบบการจัดการสิ่งแวดล้อม (EMS) ตลอดทั้งห่วงโซ่อุปทาน
  • แจ้งแผนการดำเนินงานการหยุดซ่อมบำรุงให้ชุมชนรับทราบผ่านทางการมีส่วนร่วมกับชุมชน
  • จัดตั้งศูนย์ Emergency Management Center เพื่อให้การดูแลตลอด 24 ชั่วโมง
  • ติดตามตรวจสอบเรื่องร้องเรียนทั้งหมดที่ได้รับผ่านช่องทางการร้องเรียน (Whistleblower Channel)
3. มาตรฐานการครองชีพและคุณภาพชีวิตของคนในชุมชน
ประเด็นมลพิษจากน้ำเสียในพื้นที่มาบตาพุด

รายละเอียด:

  • ข้อกล่าวหาจากชุมชนท้องถิ่นบริเวณพื้นที่มาบตาพุดเกี่ยวกับประเด็นมลพิษทางน้ำ

มาตรการบรรเทาผลกระทบ:

  • ดำเนินการและปฏิบัติตามนโยบายและแผนงานทางสิ่งแวดล้อม เช่น นโยบายคุณภาพ ความมั่นคง ความปลอดภัย อาชีวอนามัย สิ่งแวดล้อม และความต่อเนื่องทางธุรกิจ (QSHEB Policy) และนโยบายการบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืน เพื่อให้มั่นใจว่าการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมมีประสิทธิภาพ
  • การติดตามตรวจสอบการปล่อยน้ำเป็นรายวันแบบออนไลน์ ที่ครอบคลุมพื้นที่ปฏิบัติการทั้งหมดร้อยละ 100 เพื่อควบคุมคุณภาพน้ำให้เป็นไปตามกฎระเบียบข้อบังคับท้องถิ่นและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เช่น พระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ข้อกำหนดการปล่อยน้ำเสียของการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เป็นต้น
  • พัฒนาขั้นตอนการจัดการการรั่วไหลที่เข้มงวด (ที่สามารถใช้ได้กับทุกโรงงาน)
  • ติดตามตรวจสอบเรื่องร้องเรียนทั้งหมดที่ได้รับผ่านช่องทางการร้องเรียน (Whistleblower Channel)
  • ดำเนินการสำรวจความพึงพอใจของชุมชน (Community Satisfaction Survey)
4. การจ้างแรงงานผิดกฎหมายจากคู่ค้าที่จัดหาวัตถุดิบ สินค้าและบริการอื่นๆ (Feedstock และ Non-feedstock)
ประเด็นจ้างแรงงานผิดกฎหมายทั้งทางตรงและทางอ้อม ในการจัดหาวัตถุดิบ สินค้า และการให้บริการ

รายละเอียด:

  • บริษัทฯ อาจมีส่วนเกี่ยวข้องทั้งทางตรง หรือทางอ้อม ที่คู่ค้าจัดหาวัตถุดิบอาจมีการใช้แรงงานเด็ก แรงงานบังคับ และแรงงานในรูปแบบอื่นที่ผิดกฎหมาย

มาตรการบรรเทาผลกระทบ:

  • สื่อสารและให้คู่ค้าที่สำคัญทุกรายรับทราบและปฏิบัติตามจรรยาบรรณในการดำเนินธุรกิจของผู้ผลิต จัดหาสินค้า วัตถุดิบ และการบริการ
  • ตรวจประเมินคู่ค่าด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลที่ดี (ESG) อย่างสม่ำเสมอ
  • ติดตามประสิทธิภาพการทำงานของคู่ค้า ผ่านการประเมินตนเองของคู่ค้ารายปี
  • จัดทำระบบการบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทาน ซึ่งครอบคลุมกระบวนการคัดเลือกคู่ค้า การติดตามตรวจสอบ และการประเมินผลการดำเนินงานของคู่ค้า
  • สื่อสารให้คู่ค้าในระดับปฏิบัติการรับทราบถึงผลการดำเนินงานที่บริษัทฯ คาดหวังเพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานของบริษัทฯ เช่น คู่มือการกำกับดูแลกิจการที่ดี กฎหมายแรงงานขององค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO) ว่าด้วยเรื่องสิทธิแรงงาน และอื่น ๆ
  • สื่อสารให้คู่ค้าและหุ้นส่วนทางธุรกิจรับทราบและเข้าใจถึงผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชนที่อาจจะเกิดขึ้นจากการดำเนินงาน ผ่านการประชุมคู่ค้าประจำปี
  • ประเมินปัญหาที่เกิดกับสินค้าและการบริการของคู่ค้า และหาแนวทางการป้องกันและแก้ไขผ่านทางช่องทาง Vendor Critisism
  • ติดตามตรวจสอบเรื่องร้องเรียนทั้งหมดที่ได้รับผ่านช่องทางการร้องเรียน (Whistleblower Channel)
5. การเลือกปฏิบัติต่อคู่ค้าที่จัดหาสินค้าและบริการอื่นๆ (Non-feedstock)
ประเด็นการเลือกปฏิบัติต่อคู่ค้าที่จัดหาสินค้าและบริการอื่นๆ

รายละเอียด:

  • มีความเป็นไปได้ที่จะเกิดการเลือกปฏิบัติต่อคู่ค้าในการพิจารณาคัดเลือกและใช้บริการของคู่ค้าโดยประเด็นการเลือกปฏิบัติ อาทิ ขนาดของธุรกิจ สัญชาติ ประเด็นทางการเมือง และอื่นๆ

มาตรการบรรเทาผลกระทบ:

  • คู่มือการกำกับดูแลกิจการที่ดีและจรรยาบรรณธุรกิจ
  • การสำรวจคู่ค้า
  • ติดตามตรวจสอบเรื่องร้องเรียนทั้งหมดที่ได้รับผ่านช่องทางการร้องเรียน (Whistleblower Channel)
6. ผลกระทบเชิงลบต่อสิ่งแวดล้อม
ประเด็นด้านการหกรั่วไหลของน้ำมัน

รายละเอียด:

  • เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2556 ได้เกิดเหตุการณ์น้ำมันดิบรั่วไหลปริมาณ 50,000 ลิตร ลงในทะเล และส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม รวมถึงความหลากหลายทางชีวภาพ และเกิดการทำลายสภาพแวดล้อม

มาตรการบรรเทาผลกระทบ:

การแก้ไขปัญหาในระยะเร่งด่วน

  • ดำเนินการเก็บคราบน้ำมันให้เสร็จสิ้นภายใน 7 วัน หลังเกิดเหตุการณ์
  • ให้ความช่วยเหลือฟื้นฟูและเยียวยาเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนแก่ผู้ได้รับผลกระทบ

การแก้ไขปัญหาในระยะยาว

  • จัดทำแผนฟื้นฟูด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม เพื่อการแก้ไขปัญหาในระยะยาว
  • ทบทวนกระบวนการปฏิบัติ และการดำเนินงานที่มีความเสี่ยง เช่น ห้ามทำการสูบถ่ายน้ำมันขณะมีคลื่นสูงกว่า 2.5 เมตร เป็นต้น
  • ตรวจเช็คอุปกรณ์ต่าง ๆ อย่างเข้มงวดก่อนใช้งาน
  • พิจารณาใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสม และจัดหาอุปกรณ์ สารเคมี รวมถึงเรือโยง (Tug Boat) เพื่อใช้ในการขจัดคราบน้ำมันในกรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน
7. การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า
ประเด็นความเป็นไปได้ในการเกิดการรั่วไหลข้อมูลของลูกค้า

รายละเอียด:

  • ความเป็นไปได้ในการเกิดการรั่วไหลข้อมูลของลูกค้าที่อาจส่งผลกระทบเชิงลบต่อสิทธิผู้บริโภคทางด้านความเป็นส่วนตัว

มาตรการบรรเทาผลกระทบ:

  • ปฏิบัติตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Personal Data Protection Act: PDPA)
  • ปฏิบัติมาตรฐาน ISO 27001 และแนวทางสถาบัน มาตรฐานและเทคโนโลยีแห่งชาติของประเทศสหรัฐอเมริกา (National Institute of Standards and Technology: NIST)
  • การจัดการข้อมูลและการคุกคามทางไซเบอร์
  • มาตรการการป้องกันภัยคุกคามทางไซเบอร์
  • แบบสำรวจความพึงพอใจของลูกค้า
  • การจัดการข้อร้องเรียนจากลูกค้า
  • ระบบการจัดการความสัมพันธ์กับลูกค้า
  • ติดตามตรวจสอบเรื่องร้องเรียนทั้งหมดที่ได้รับผ่านช่องทางการร้องเรียน (Whistleblower Channel)

นอกจากนี้ สำหรับการประเมินความเสี่ยงทางด้านสิทธิมนุษยชนของคู่ค้าที่สำคัญในการจัดหาวัตถุดิบ สินค้า และการบริการ (Tier 1 feedstock and non-feedstock Suppliers) พบว่า คู่ค้ามีความเสี่ยงทางด้านสิทธิมนุษยชนในประเด็นด้านสภาพการจ้างงาน สุขภาพและความปลอดภัยของพนักงาน สุขภาพและความปลอดภัยชุมชน ผลกระทบจากมลพิษและการจัดการของเสีย เป็นต้น โดยคู่ค้ามีแนวทางควบคุมและฟื้นฟูประเด็นความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชน เช่น โครงการ Safety Network and Sharing โครงการตรวจสุขภาพ และเฝ้าระวังทางสาธารณสุข การบริหารจัดการการจัดจ้างจัดซื้ออย่างยั่งยืน จรรยาบรรณทางธุรกิจ และอื่นๆ แล้ว อย่างไรก็ตามทางบริษัทฯ ได้มี Vendor Management Procedure เพื่อบริหารจัดการคู่ค้า รวมถึง กำหนดมาตรการในการควบคุมและบรรเทาความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนที่อาจเกิดขึ้นจากคู่ค้าที่ระบุอยู่ในจรรยาบรรณทางธุรกิจของคู่ค้า โดยคู่ค้าต้องลงนามการรับรู้จรรยาบรรณทางธุรกิจของคู่ค้าและนำไปปฏิบัติอย่างเคร่งครัด

Vendor Management Procedure

มาตรการบรรเทาผลกระทบ:

  • การลงนามการรับทราบและปฏิบัติตามจรรยาบรรณในการดำเนินธุรกิจของผู้ผลิต จัดหาสินค้า วัตถุดิบ และการบริการ
  • การติดตามตรวจสอบและประเมินคู่ค้า ผ่านทาง Vendor Criticism Form และประเมินประสิทธิภาพของคู่ค้าประจำปี และการประเมินด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลที่ดี (Supplier Environmental, Social and Governance evaluation: Supplier ESG Evaluation).
  • การตรวจประเมินตนเองของคู่ค้า

องค์กรคาร์บอนต่ำ GC พร้อมให้ความสำคัญกับการประเมินความเสี่ยงและลดผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชน เพื่อการจัดการและผลักดันธุรกิจสู่การเติบโตบนพื้นฐานของความยั่งยืน ร่วมกับการคิดค้นและพัฒนานวัตกรรมด้านปิโตรเคมีและสิ่งแวดล้อม เพื่อเป้าหมายในการดำเนินธุรกิจตามหลักแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) และ Sustainable Living ที่จะสามารถช่วยลดโลกร้อนและลดก๊าซเรือนกระจกเพื่อชีวิตที่ดีกว่าได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด