โครงการสร้างคุณค่าร่วมกันและวิสาหกิจเพื่อสังคม
บริษัทฯ ยกระดับโครงการรับผิดชอบต่อสังคม ให้เป็นโครงการสร้างคุณค่าร่วมกัน (Creating Shared Value: CSV) และวิสาหกิจเพื่อสังคม (Social Enterprise: SE) เพื่อสร้างความแข็งแกร่งในการดำเนินธุรกิจ และความเกี่ยวเนื่องกับกลยุทธ์ทางด้านความยั่งยืนในการเพิ่มมูลค่าให้กับชุมชน
โครงการสร้างคุณค่าร่วมกัน (Creating Shared Value: CSV Projects)
พัฒนาผลิตภัณฑ์พลาสติก เพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อมในพื้นที่มูลนิธิโครงการหลวง


บริษัทฯ ร่วมวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์พลาสติกทางการเกษตร ระหว่างมูลนิธิโครงการหลวงและสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) ในการสร้างพลาสติกที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยเริ่มต้นจากการผลิตและพัฒนามาจากฟิล์มที่ใช้กับเรือนเพาะชำ ถุงผักที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ถุงที่สามารถยืดอายุการจัดเก็บผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร และถาดสลัดพลาสติกย่อยสลายได้
การวางแผนสำหรับโครงการนี้ประกอบไปด้วย:
- พัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อตอบสนองความต้องการของกลุ่มเกษตรกร
- สนับสนุนการกระจายผลิตภัณฑ์ เพื่อสร้างคุณค่าต่อผลิตภัณฑ์
- พัฒนาความร่วมมือกับชุมชน มุ่งเน้นกิจกรรม CSR ในด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และเยาวชนมากขึ้น เพื่อเสริมสร้างความเข้าใจและสร้างความมั่นใจระหว่างชุมชน มูลนิธิโครงการหลวง และบริษัทฯ นำไปสู่การสร้างมูลค่าตอบแทนทางสังคมจากการลงทุน (SROI) ในเชิงบวก
โครงการพลาสติกป้องกันภัย ป้องกันชีวิต (Protect Risk Protect Life with Plastic Flapped Sack Project)


โครงการ “พลาสติกป้องกันภัย ป้องกันชีวิต” เป็นโครงการที่บริษัทฯ ร่วมกับมูลนิธิชัยพัฒนาชัยพัฒนา สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) และกรมทรัพยากรธรณี กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ออกแบบและพัฒนากระสอบพลาสติกแบบมีปีกขึ้น
เพื่อช่วยแก้ไขและบรรเทาความเสียหายจากพิบัติภัยดินโคลนถล่ม ตลอดจนช่วยบรรเทาปัญหาน้ำท่วมและภัยแล้ง ซึ่งกระสอบฯ ต้นแบบผลิตจากเม็ดพลาสติก HDPE ของ GC และเม็ดพลาสติก PP ถูกนำไปถักทอให้มีความเหนียว แข็งแรง และเติมสารป้องกัน UV เพื่อให้มีอายุการใช้งานที่ยาวนาน และที่พิเศษกว่ากระสอบทั่วไป คือเป็นกระสอบที่มีปีก 3 ด้าน ซึ่งจะช่วยเพิ่มแรงยึดเหนี่ยวเมื่อมีการวางทับซ้อนกัน ทำให้ไม่เลื่อนหลุดออกจากกัน
ในปี 2562 โครงการฯ ได้พัฒนากระสอบฯ แบบใหม่ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น โดยนำเม็ดพลาสติก Recycled PP เข้ามาเป็นส่วนผสม และในปี 2563 ได้สนับสนุนกระสอบฯ ลอตใหม่ให้แก่สำนักจัดการป่าชุมชน กรมป่าไม้ เพื่อนำไปจัดทำเป็นฝาย-แก้มลิง ที่ป่าชุมชนเจริญสุข-สายบัว อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดบุรีรัมย์ เป็นพื้นที่แรก โดย ณ ปัจจุบัน ฝาย-แก้มลิงดังกล่าวยังสามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ พื้นที่รอบฝาย-แก้มลิงมีความชุ่มชื้นเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน โดยเฉพาะในช่วงฤดูแล้ง พบว่ายังคงมีพืชใบเขียวขึ้นข้างลำน้ำที่สร้างฝาย-แก้มลิงไว้ ต่างจากก่อนหน้านี้ ต้นไม้ที่ขึ้นข้างลำน้ำจะเฉาตายทั้งหมด เนื่องจากขาดน้ำเป็นเวลานาน
ทั้งนี้ ตั้งแต่ปี 2549 บริษัทฯ ได้ให้การสนับสนุนกระสอบฯ กับหน่วยงานต่างๆ เพื่อจัดทำแนวป้องกันการพังทลายของตลิ่ง ฝายชะลอน้ำ และแก้มลิง ให้กับพื้นที่ที่ประสบภัยไปแล้วรวม 21 จังหวัดทั่วประเทศไทย และ 1 ประเทศเพื่อนบ้าน คือ สปป.ลาว
นอกจากการสนับสนุนกระสอบฯ สำหรับทำกิจกรรมเพื่อสังคมแล้ว ทางบริษัทฯ ยังมีการผลักดันให้มีการจำหน่ายกระสอบฯ เชิงพาณิชย์ เพื่อให้สามารถสร้างคุณค่าร่วมให้กับสังคมและบริษัทฯ ได้อย่างยั่งยืน โดยระหว่างปี 2563 – 2565 สามารถจำหน่ายกระสอบฯ ให้แก่หน่วยงานภายนอกได้ทั้งสิ้น 71,364 ใบ คิดเป็นเงิน 2,771,088 บาท
การวางแผนสำหรับโครงการนี้ประกอบไปด้วย
- ร่วมมือกับหน่วยงานภายนอกที่มีความเชี่ยวชาญ เพื่อนำกระสอบฯ ไปใช้ในการแก้ไขและบรรเทาความเสียหายจากพิบัติภัยดินโคลนถล่ม รวมทั้งบรรเทาปัญหาน้ำท่วม และภัยแล้ง ในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ
- เผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับการนำกระสอบฯ ไปใช้งานในพื้นที่ที่ประสบภัย เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้อง นำไปสู่การสร้างมูลค่าตอบแทนทางสังคมจากการลงทุน (SROI)
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังให้การสนับสนุนโครงการวิสาหกิจชุมชนอื่นๆ อาทิ
โครงการ SMART FARMING BY GC (SMART FARMING BY GC)
โครงการ SMART FARMING BY GC มีเป้าหมายดำเนินโครงการเพื่อสังคม ด้วยการใช้ความเชี่ยวชาญของบุคลากรของบริษัทฯ และกลุ่ม ปตท. มาประยุกต์ใช้ เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจชุมชน ฟื้นฟูจากสภาวะเศรษฐกิจซบเซาอันเนื่องมาจากสถานการณ์ COVID-19 เพื่อช่วยลดค่าใช้จ่าย เพิ่มผลผลิต และพัฒนาคุณภาพชีวิตของชุมชนเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจชุมชน ฟื้นฟูจากสภาวะเศรษฐกิจซบเซาอันเนื่องมาจากสถานการณ์ COVID-19 เพื่อช่วยลดค่าใช้จ่าย เพิ่มผลผลิต และพัฒนาคุณภาพชีวิตของชุมชน และส่งเสริมการจ้างนักศึกษาจบใหม่ ซึ่งเป็นลูกหลานชุมชนในพื้นที่จังหวัดระยอง ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ COVID -19 ผ่านโครงการ RESTART Thailand ของกลุ่มปตท. เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการจ้างงาน มาร่วมขับเคลื่อนโครงการฯ
ในโครงการมีการควบคุมการเพาะปลูกด้วยเทคโนโลยีอัตโนมัติ IOT และใช้นวัตกรรมของบริษัทฯ มาใช้ในโครงการ ต่อยอดการใช้งานผลิตภัณฑ์พลาสติกให้เกิดคุณค่า อาทิ ถุงพลาสติกยืดอายุผักใช้บรรจุผลผลิตที่เก็บเกี่ยวเพื่อจำหน่าย พลาสติกคลุมโรงเรือนที่ผลิตจากเม็ดพลาสติกโพลีเอทิลีน (PE) ซึ่งได้รับการรับรองเครื่องหมายคาร์บอนฟุตพริ้นท์ (Carbon Foot) โดยดำเนินการใน 2 พื้นที่คือ สถานคุ้มครองสวัสดิภาพเด็กระยอง และในพื้นที่ อ.บ้านฉาง จ.ระยอง
การดำเนินงานในสถานคุ้มครองสวัสดิภาพเด็กระยอง ภายในชื่อโครงการ “สวนผักปันรัก” มีจุดมุ่งหมายเพื่อส่งเสริมให้เกิดต้นแบบโครงการเพื่อสังคม ที่พัฒนาทักษะความรู้ การประกอบอาชีพ และทักษะทางสังคม ของน้องๆสถานคุ้มครองสวัสดิภาพเด็กระยอง เพื่อเตรียมความพร้อมต่อการปรับตัวสู่สังคมภายนอก และยังมุ่งเน้นแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง เพาะปลูกพืชผลทางการเกษตร เพื่อนำมาบริโภคเป็นการลดรายจ่ายให้กับสถานคุ้มครองฯ นอกจากนี้การนำนวัตกรรมและเทคโนโลยี Smart Farming มาใช้เป็นการยกระดับกระบวนการผลิตเพิ่มประสิทธิภาพการเพาะปลูกสู่เกษตรสู่วิถีใหม่ ให้สามารถบริหารจัดการผลผลิตได้อย่างมั่นคง และมีคุณภาพสูงขึ้น เพื่อนำผลผลิตที่มีคุณภาพไปจำหน่าย รวมถึงส่งเสริมทักษะแปรรูปผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร ร่วมกับปฐม ออแกนิกส์ ลิฟวิ่ง เพื่อเพิ่มมูลค่า นำไปจัดจำหน่าย และนำรายได้เพื่อสมทบทุนโครงการอาหารปันรักเพื่อน้อง สถานคุ้มครองสวัสดิภาพเด็กระยอง
การดำเนินงานโครงการ SMART FARMING BY GC ในพื้นที่ อ.บ้านฉาง จ.ระยอง บริษัทฯ ได้นำผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยี Smart Farming มาส่งเสริมการเพาะปลูกพืชและผลผลิตทางการเกษตรในรูปแบบเกษตรอินทรีย์ ให้แก่วิสาหกิจชุมชนเกษตรอินทรีย์หอมมะหาด และวิสาหกิจชุมชนป๋าระไฮโดรฟาร์ม ทังนี้ยังส่งเสริมให้มีการปลูกพืชสมุนไพรที่เป็นเอกลักษณ์ของจังหวัดระยอง เร่วหอม ว่านสาวหลง ผักสลัดไฮโดรโปรนิกส์ รวมถึงการพัฒนาผลิตภัณฑ์แปรรูปทางการเกษตรเพื่อการจัดจำหน่ายและสร้างรายได้ ในช่องทางออฟไลน์ ออกร้านจัดจำหน่ายภายใต้ บริษัท ประชารัฐรักสามัคคีระยอง (วิสาหกิจเพื่อสังคม) จำกัด และ GC Market Place โดยในปี 2565 โครงการ SMART FARMING BY GC สร้างรายได้สู่เยาวชนในสถานคุ้มครองสวัสดิภาพเด็กระยอง และกลุ่มวิสาหกิจชุมชนรวมทั้งสิ้น 382,510 บาท
วิสาหกิจเกษตรอินทรีย์หอมมะหาด (Hom Mahat Organic Farming Community Enterprise)
โครงการฟื้นป่า สร้างแหล่งเรียนรู้ วิธีชุมชนยั่งยืน (เขาห้วยมะหาด) ซึ่งริเริ่มในปี 2553 เกิดจากความร่วมมือของ 4 องค์กร ได้แก่ คณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง ชมรมคนรักษ์ป่า ชากลูกหญ้า-เขาห้วยมะหาด และบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด มหาชน เพื่อฟื้นฟูระบบนิเวศของผืนป่า ตลอดจนพัฒนาคุณภาพชีวิต เศรษฐกิจ และสังคมในพื้นที่ ส่งเสริมให้คนในชุมชนมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ป่าไม้และสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน จนนำไปสู่การพัฒนาและจัดตั้งเป็นกลุ่มวิสาหกิจเกษตรอินทรีย์หอมมะหาด โดยการนําสายพันธุ์พืชสมุนไพรที่มีอยู่บนเขาห้วยมะหาด ได้แก่ เร่วหอม และว่านสาวหลง มาให้เกษตรกรในพื้นที่ ปลูกในรูปแบบออแกนิคโดยมีสามพลานโมเดลเป็นที่ปรึกษา จนเกิดเป็นผลิตภัณฑ์ อาทิ ชาว่านสาวหลง และน้ำมันเขียว และนําสมุนไพรที่ขยายพันธ์เพิ่มเติมได้กลับปลูกคืนสู่เขาห้วยมะหาด ต่อไป โดยในปี 2565 ได้เกิดรายได้เข้าสู่กลุ่มเป็นจำวนเงินทั้งสิ้น 87,389 บาท
โครงการธุรกิจเพื่อสังคม ร้านควินินคาเฟ่ วิทยาลัยเทคนิคนิคมอุตสาหกรรมระยอง (Social Enterprise Quinine Cafe' Rayong Industrials Estate Technical College)

บริษัทฯ ร่วมกับวิทยาลัยเทคนิคนิคมอุตสาหกรรมระยอง พัฒนาแผนกวิชาอาหารและโภชนาการ ต่อยอดผลิตภัณฑ์ชุมชน และพัฒนาร้านควินินคาเฟ่ของวิทยาลัยฯ ตามแนวทางวิสาหกิจเพื่อสังคม (SE) โดยวางเป้าหมายการนำวัตถุดิบจากชุมชน อาทิ เช่น เร่วหอม ว่านสาวหลง ใบบัวบก และขิง ที่บริษัทฯ ได้ส่งเสริมให้ชุมชนในพื้นที่ปลูกและนำมาพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์อาหารและของฝาก สร้างมูลค่าเพิ่ม ด้วยการพัฒนาตำรับอาหารเพื่อสุขภาพ ห่างไกลโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) ตลอดจนนำองค์ความรู้ที่ได้ไปบูรณาการหลักสูตรการเรียนการสอน รวมทั้งเผยแพร่องค์ความรู้สู่ประชาชน เพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคไม่ติดต่อเรื้อรังด้วย
โดยบริษัทฯ ได้สนับสนุนการแสดงศักยภาพของวิทยาลัยฯ ทั้งด้านการวางแผนธุรกิจ การพัฒนาศักยภาพการประกอบธุรกิจคาเฟ่ และการขยายตลาดอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เกิดรายได้สำหรับเป็นทุนการศึกษาให้กับนักเรียนและพัฒนาต่อยอดการเรียนการสอนของวิทยาลัยฯ ตลอดจนสร้างภาพลักษณ์และบทบาทการเป็นสถาบันการศึกษาที่ปรับตัวเข้าสู่มุมมองใหม่ของโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสร้างความยั่งยืนทางด้านอาหารเพื่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม อีกทั้งยังเปิดโอกาสให้สถานศึกษาและประชาชนทั่วไปที่สนใจ สามารถติดต่อขอเข้ารับการฝึกอบรมหลักสูตรวิชาชีพระยะสั้นเพื่อนำไปประกอบอาชีพได้ด้วย
ทั้งนี้ ในปี 2565 มีประชาชนที่สนใจเข้ามาเรียนรู้ตำรับอาหารเพื่อสุขภาพ ห่างไกลโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) ประมาณ 130 คน และวิทยาลัยฯ ได้รับโอกาสในการแสดงศักยภาพพร้อมจำหน่ายอาหารในงานต่างๆ 15 ครั้ง ทำให้เกิดรายได้รวมจากการที่ GC ได้ให้การส่งเสริมเป็นเงินจำนวน 605,000 บาท และมี PR Value 310,000 บาท โดยคิดเป็น SROI = 3.58