การบริหารจัดการน้ำภายในองค์กร
บริษัทฯ บริหารจัดการการใช้น้ำให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในกระบวนการผลิต นำน้ำกลับมาหมุนเวียนใช้ประโยชน์ และสร้างความร่วมมือตลอดโซ่อุปทาน โดยมุ่งเน้นการใช้น้ำอย่างคุ้มค่า การใช้นวัตกรรมในการบริหารจัดการน้ำ และความรับผิดชอบต่อการใช้น้ำตลอดห่วงโซ่การผลิต เช่น การนำน้ำทิ้งที่ผ่านระบบบำบัดน้ำเสียกลับมาใช้ใหม่ การเพิ่มจำนวนรอบหมุนเวียนน้ำในระบบหล่อเย็น เป็นต้น อีกทั้งบริษัทฯ ยังได้ประเมินการใช้น้ำทั้งทางตรงและทางอ้อมตลอดวัฏจักรชีวิตของผลิตภัณฑ์ (Product Water Footprint: PWF) และวิเคราะห์หาขั้นตอนที่มีการใช้น้ำอย่างมีนัยสำคัญ (Hotspot) เพื่อใช้น้ำให้เกิดประโยชน์สูงสุด ลดการใช้น้ำในกระบวนการผลิต ลดการดึงน้ำจืดจากแหล่งน้ำธรรมชาติ และลดผลกระทบต่อการใช้น้ำจากการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ
นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้ประเมินความเสี่ยงด้านน้ำทั้งในเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพของพื้นที่ฐานการผลิตในมาบตาพุด (Water Stress Areas) เป็นประจำ โดยใช้เครื่องมือแผนที่ความเสี่ยงด้านน้ำ (Water Risk Map) ซึ่งจัดทำขึ้นโดยองค์กร AQUEDUCT Water Risk Atlas และ WBCSD Global Water Tool โดยผลการประเมินพบว่าบริษัทฯ ไม่มีฐานการผลิตที่ตั้งในอยู่ในพื้นที่มีความเสี่ยงด้านน้ำ
อีกทั้ง บริษัทฯ ยังกำหนดมาตรการ และผลักดันให้มีการบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืนผ่านการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง และส่งเสริมการจัดหาแหล่งน้ำทางเลือก เพื่อให้มั่นใจว่าจะมีทรัพยากรน้ำเพียงพอต่อการเดินเครื่องของโรงงาน ไม่มีการหยุดชะงักของกระบวนการผลิต นอกจากนี้ ทรัพยากรน้ำที่เหลือใช้มากขึ้น จะสามารถรองรับโครงการที่อาจมีการขยายเพิ่มเติมในอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย
ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้ดำเนินการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้น้ำในกระบวนการผลิต โดยการนำน้ำกลับมาหมุนเวียนใช้ประโยชน์ ผ่านโครงการปรับปรุงระบบน้ำภายในโรงงาน อาทิ โครงการปรับปรุงคุณภาพน้ำทิ้งผ่านระบบ Wastewater Reverse Omission (WWRO) และโครงการติดตั้ง Seawater Reverse Osmosis (SWRO)

โครงการปรับปรุงคุณภาพน้ำทิ้งผ่านระบบบำบัดน้ำเสีย Wastewater Reverse Osmosis (WWRO)
บริษัทฯ ลงทุนในโครงการนำน้ำทิ้งที่ผ่านการบำบัดแล้วกลับมาปรับปรุงคุณภาพ เพื่อนำกลับไปใช้ในกระบวนการผลิตใหม่ด้วยเทคโนโลยี Wastewater Reverse Osmosis (WWRO) จากการดำเนินโครงการดังกล่าว บริษัทฯ สามารถลดปริมาณการใช้น้ำถึง 2.69 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี
โครงการเพิ่มประสิทธิภาพหน่วยผลิตน้ำจืดจากน้ำทะเล (Sea Water Reverse Osmosis: SWRO)
บริษัทฯ จัดทำโครงการเพิ่มประสิทธิภาพหน่วยผลิตน้ำจืดจากน้ำทะเล โดยเพิ่มรอบน้ำหมุนเวียนในระบบหล่อเย็น เพื่อรองรับความต้องการใช้น้ำที่เพิ่มขึ้นของบริษัทฯ ควบคู่กับการเตรียมความพร้อมในการรับมือต่อวิกฤตภัยแล้งที่เป็นผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ตลอดจนผลักดันและสนับสนุนการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) เพื่อให้เป็นไปตามแผนงานที่กำหนดในช่วงปี 2560-2580 อีกด้วย จากการดำเนินโครงการดังกล่าว บริษัทฯ สามารถลดปริมาณการใช้น้ำถึง 2.97 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี
การจัดการน้ำทิ้ง
บริษัทฯ ติดตามและเฝ้าระวังการปล่อยน้ำเสียตลอดห่วงโซ่การผลิต โดยกำหนดและใช้นโยบาย QSHEB หรือแผนงานด้านสิ่งแวดล้อมของบริษัทฯ ในการขับเคลื่อนการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้บริษัทฯ มีการระบายน้ำทิ้งตามข้อกำหนดหรือข้อบังคับทางกฎหมาย อาทิ พระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2535 และข้อกำหนดการระบายน้ำทิ้งเข้าสู่ระบบบำบัดน้ำเสียส่วนกลางในนิคมอุตสาหกรรมของการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) และเป็นไปตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบที่ระบุไว้ในรายงานการประเมินผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (EIA) โดยน้ำทิ้งที่ปนเปื้อนจะได้รับการบำบัดในระบบบำบัดน้ำเสียเพื่อให้มั่นใจว่ามีคุณภาพอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานของน้ำทิ้งเสมอ โดยมีพารามิเตอร์ในการตรวจสอบคุณภาพน้ำทิ้ง อาทิ ค่าความเป็นกรดด่าง (pH) อุณหภูมิ ค่าซีโอดี (Chemical Oxygen Demand: COD) ค่าบีโอดี (Biological Oxygen Demand: BOD) ค่าของแข็งแขวนลอยทั้งหมด (Total Suspended Solid: TSS) น้ำมันและไขมัน โลหะหนัก เช่น ปรอท (Hg) สารหนู(As) เป็นต้น อีกทั้งบริษัทฯ มีการตรวจวัดคุณภาพของการระบายน้ำทิ้งทุกวันผ่านระบบออนไลน์และมีการรายงานต่อคณะทำงานภายในเพื่อติดตามและปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงานอีกด้วย ซึ่งจากผลการติดตามคุณภาพน้ำในปี 2564 พบว่าไม่กรณีปัญหาคุณภาพน้ำเกินค่าตามข้อกำหนดมาตรฐาน