GRI 303-1 (2018) 303-2 (2018)

บริษัทฯ บริหารจัดการการใช้น้ำให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในกระบวนการผลิต นำน้ำกลับมาหมุนเวียนใช้ประโยชน์ และสร้างความร่วมมือตลอดโซ่อุปทาน โดยมุ่งเน้นการใช้น้ำอย่างคุ้มค่า การใช้นวัตกรรมในการบริหารจัดการน้ำ และความรับผิดชอบต่อการใช้น้ำตลอดห่วงโซ่การผลิต เช่น การนำน้ำทิ้งที่ผ่านระบบบำบัดน้ำเสียกลับมาใช้ใหม่ การเพิ่มจำนวนรอบหมุนเวียนน้ำในระบบหล่อเย็น เป็นต้น อีกทั้งบริษัทฯ ยังได้ประเมินการใช้น้ำทั้งทางตรงและทางอ้อมตลอดวัฏจักรชีวิตของผลิตภัณฑ์ (Product Water Footprint: PWF) และวิเคราะห์หาขั้นตอนที่มีการใช้น้ำอย่างมีนัยสำคัญ (Hotspot) เพื่อใช้น้ำให้เกิดประโยชน์สูงสุด ลดการใช้น้ำในกระบวนการผลิต ลดการดึงน้ำจืดจากแหล่งน้ำธรรมชาติ และลดผลกระทบต่อการใช้น้ำจากการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ

นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้ประเมินความเสี่ยงด้านน้ำ ทั้งในเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพของพื้นที่ฐานการผลิตในมาบตาพุด เป็นประจำ โดยใช้เครื่องมือแผนที่ความเสี่ยงด้านน้ำ ซึ่งจัดทำขึ้นโดยองค์กร AQUEDUCT Water Risk Atlas และ WBCSD Global Water Tool โดยผลการประเมินพบว่าบริษัทฯ ไม่มีฐานการผลิตที่ตั้งในอยู่ในพื้นที่มีความเสี่ยงด้านน้ำ

อีกทั้ง บริษัทฯ ยังกำหนดมาตรการ และผลักดันให้มีการบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืนผ่านการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง และส่งเสริมการจัดหาแหล่งน้ำทางเลือก เพื่อให้มั่นใจว่าจะมีทรัพยากรน้ำเพียงพอต่อการเดินเครื่องของโรงงาน ไม่มีการหยุดชะงักของกระบวนการผลิต สอดคล้องกับการดำเนินการด้านการบริหารจัดการน้ำที่ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ นอกจากนี้ ทรัพยากรน้ำที่เหลือใช้มากขึ้น จะสามารถรองรับโครงการที่อาจมีการขยายเพิ่มเติมในอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย

ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้ดำเนินการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้น้ำในกระบวนการผลิต โดยการนำน้ำกลับมาหมุนเวียนใช้ประโยชน์ ผ่านโครงการปรับปรุงระบบน้ำภายในโรงงาน อาทิ โครงการปรับปรุงคุณภาพน้ำทิ้งผ่านระบบ Wastewater Reverse Omission (WWRO) และโครงการติดตั้ง Seawater Reverse Osmosis (SWRO)

การจัดการน้ำทิ้ง

บริษัทฯ ติดตามและเฝ้าระวังการปล่อยน้ำเสียตลอดห่วงโซ่การผลิต โดยกำหนดและใช้นโยบาย QSHEB หรือแผนงานด้านสิ่งแวดล้อมของบริษัทฯ ในการขับเคลื่อนการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้บริษัทฯ มีการระบายน้ำทิ้งตามข้อกำหนดหรือข้อบังคับทางกฎหมาย อาทิ พระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2535 และข้อกำหนดการระบายน้ำทิ้งเข้าสู่ระบบบำบัดน้ำเสียส่วนกลางในนิคมอุตสาหกรรมของการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) และเป็นไปตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบที่ระบุไว้ในรายงานการประเมินผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (EIA) โดยน้ำทิ้งที่ปนเปื้อนจะได้รับการบำบัดในระบบบำบัดน้ำเสียเพื่อให้มั่นใจว่ามีคุณภาพอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานของน้ำทิ้งเสมอ โดยมีพารามิเตอร์ในการตรวจสอบคุณภาพน้ำทิ้ง อาทิ ค่าความเป็นกรดด่าง (pH) อุณหภูมิ ค่าซีโอดี (Chemical Oxygen Demand: COD) ค่าบีโอดี (Biological Oxygen Demand: BOD) ค่าของแข็งแขวนลอยทั้งหมด (Total Suspended Solid: TSS) น้ำมันและไขมัน โลหะหนัก เช่น ปรอท (Hg) สารหนู(As) เป็นต้น อีกทั้งบริษัทฯ มีการตรวจวัดคุณภาพของการระบายน้ำทิ้งทุกวันผ่านระบบออนไลน์และมีการรายงานต่อคณะทำงานภายในเพื่อติดตามและปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงานอีกด้วย ซึ่งจากผลการติดตามคุณภาพน้ำในปี 2565 พบว่าไม่กรณีปัญหาคุณภาพน้ำเกินค่าตามข้อกำหนดมาตรฐาน