โครงการความร่วมมือด้านการบริหารจัดการน้ำ
บริษัทฯ ได้ร่วมจัดทำแผนและกลยุทธ์การบริหารจัดการน้ำอย่างมีประสิทธิภาพกับคณะทำงานบริหารจัดการน้ำของบริษัทในกลุ่ม ปตท. (PTT Group Water Management Team: PTTWT) รวมทั้งดำเนินงานร่วมกับภาครัฐและผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่ายผ่านคณะทำงาน War Room ตลอดจนระบุผู้มีส่วนได้เสียที่สำคัญ และจัดทำแผนงานการจัดการข้อห่วงกังวลของผู้มีส่วนได้เสียดังกล่าว เพื่อวางแผนรองรับการใช้น้ำของทุกภาคส่วนในอีก 20 ปีข้างหน้า (ตั้งแต่ปี 2560 – 2580) นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้ติดตามการเปลี่ยนแปลงของกฎหมายและข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง ผ่านคณะทำงานของสภาอุตสาหกรรม
บริษัทฯ บริหารจัดการน้ำภายนอกองค์กร ผ่านความร่วมมือกับทุกภาคส่วนแบบบูรณาการ และการอนุรักษ์พื้นที่ต้นน้ำอย่างยั่งยืน โดยตัวอย่างโครงการที่บริษัทฯ ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ โครงการฟื้นป่า รักษ์น้ำ เขาห้วยมะหาด โครงการธนาคารน้ำใต้ดินระบบปิด ในพื้นที่จังหวัดระยอง
บริษัทฯ จัดทำโครงการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำร่วมกับผู้มีส่วนได้เสียที่สำคัญอย่างต่อเนื่อง สรุปได้ดังนี้
บริษัทฯ มุ่งมั่นในการฟื้นฟูแหล่งน้ำในชุมชนและการอนุรักษ์พื้นที่ต้นน้ำอย่างยั่งยืน ผ่านการจัดการน้ำเพื่อชุมชน และการอนุรักษ์พื้นที่ต้นน้ำอย่างยั่งยืน โดยมีตัวอย่างโครงการ ดังนี้
- โครงการถังน้ำสะอาด InnoPlus: บริษัทฯ สนับสนุนถังบรรจุน้ำ InnoPlus เพื่อช่วยเหลือชุมชนที่ประสบปัญหาการขาดแคลนน้ำ หรือขาดแคลนอุปกรณ์กักเก็บน้ำ
- โครงการฟื้นป่า รักษ์น้ำ เขาห้วยมะหาด จังหวัดระยอง: บริษัทฯ ดำเนินโครงการนี้ โดยร่วมมือกับหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง (สอ.รฝ.) และชมรมคนรักษ์ป่า ชากลูกหญ้า-ห้วยมะหาด เพื่อส่งเสริมการบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืนและเป็นระบบบูรณาการ นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังนำกระสอบพลาสติกแบบมีปีกมาใช้เป็นวัสดุในการจัดทำฝายชะลอน้ำเพื่อฟื้นฟูแหล่งน้ำ และปลูกจิตสำนึกชุมชนในการอนุรักษ์ทรัพยากรจากกิจกรรมปลูกป่า
- โครงการธนาคารน้ำใต้ดินระบบปิด: บริษัทฯ ร่วมกับเทศบาลเมืองมาบตาพุด และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ร่วมกันจัดทำธนาคารน้ำใต้ดินในพื้นที่สวนผลไม้ชุมชนกรอกยายชา และชุมชนหนองแตงเม อ.เมือง จ.ระยอง เพื่อแก้ปัญหาการขาดแคลนน้ำในช่วงฤดูแล้ง น้ำท่วมขังช่วงฤดูฝน และปัญหาน้ำเค็มจากทะเลรุกเข้าพื้นที่การเกษตร โดยดำเนินโครงการมาตั้งแต่ปี 2563 ทั้งนี้ในปี 2565 โครงการยังได้รับ Communitas Awards 2022 จากประเทศสหรัฐอเมริกา ในหมวดองค์กรที่เป็นเลิศในด้านการรับผิดชอบต่อสังคม สาขาจริยธรรมและความรับผิดชอบด้านสิ่งแวดล้อมเพื่อความยั่งยืน อีกด้วย
- กิจกรรมเพื่อบรรเทาปัญหาน้ำท่วม/น้ำแล้ง ในจังหวัดระยอง: บริษัทฯ จัดทำแนวป้องกันตลิ่งพังด้วยกระสอบแบบมีปีก เพื่อบรรเทาปัญหาน้ำท่วม และโครงการพื้นที่ต้นแบบการบริหารจัดการน้ำด้วยกระสอบพลาสติกแบบมีปีกอย่างมีส่วนร่วม จังหวัดระยอง
บริษัทฯ วิเคราะห์ประเด็นที่สำคัญทุกปี และพิจารณาข้อห่วงกังวลของผู้มีส่วนได้เสียที่สำคัญโดยเฉพาะ NGOs ในด้านการใช้น้ำ และระดับผลกระทบที่อาจส่งผลต่อธุรกิจ โดยบริษัทฯ ได้ร่วมมือกับ NGOs เพื่อลดข้อกังวลด้านการใช้น้ำของชุมชน
บริษัทฯ ได้เข้าร่วมเป็นคณะทำงานของสถาบันน้ำเพื่อความยั่งยืน (Water Institute for Sustainability) และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (Federation of Thai Industries (FTI) เพื่อประสานงาน และสร้างความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนในการบริหารจัดการน้ำ นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีส่วนในการปรับปรุงข้อกำหนด และกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการน้ำในประเทศไทย
บริษัทฯ ได้ประสานงานกับกลุ่มผู้ใช้น้ำในปริมาณมาก ด้วยการเข้าร่วมคณะทำงานศูนย์ปฏิบัติการน้ำภาคตะวันออก (Water War Room) ของจังหวัดระยอง เพื่อลดข้อขัดแย้งในการใช้น้ำกับชุมชน โดยวางแผนรองรับการใช้น้ำของทุกภาคส่วนในอีก 20 ปีข้างหน้า (ปี 2560 – 2580) นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังติดตามความเสี่ยงด้านการใช้น้ำ (Water Risks) และร่วมจัดการความพอเพียงในการใช้น้ำในจังหวัดระยองให้มีประสิทธิภาพ
บริษัทฯ รายงานผลการประเมินความเสี่ยงด้านน้ำไปยังทีมบริหารความเสี่ยงองค์กรและทีมการตลาด รวมทั้งประเมินการใช้น้ำตลอดวัฏจักรชีวิตผลิตภัณฑ์ในแต่ละผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ นอกจากนี้บริษัทฯ ยังสำรวจความต้องการของลูกค้าเป็นประจำอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังดำเนินการวิเคราะห์จุดเสี่ยงรุนแรงของอุทกภัยในพื้นที่โดยรอบของโรงงานที่เป็นลูกค้าหลัก
พนักงานถือเป็นผู้มีส่วนได้เสียภายในที่สำคัญซึ่งรวมอยู่ในการประเมินความเสี่ยงด้านน้ำของบริษัทฯ ทั้งนี้บริษัทฯ มุ่งมั่นที่จะปรับปรุงประสิทธิภาพน้ำอย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี ผ่านการฝึกอบรม และส่งเสริมให้พนักงานทุกคน ตระหนักถึงการประหยัดน้ำในองค์กรและใช้น้ำให้มีประสิทธิภาพสูงสุด นอกจากนี้บริษัทฯ ยังมอบหมายให้ตัวแทนพนักงานทำงานกับองค์กรภายนอกที่เกี่ยวข้องด้านการอนุรักษ์น้ำ อาทิ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ อีกด้วย
บริษัทฯ มีระบบการบริหารความเสี่ยงสำหรับคู่ค้าที่สำคัญในกลุ่มจัดหาวัตถุดิบ และกลุ่มจัดหาสินค้าและบริการอื่น ซึ่งครอบคลุมกระบวนการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นขั้นตอนการเลือกและการควบคุม การกำหนดความสามารถ ตลอดจนการตรวจสอบและการประเมินประสิทธิภาพของคู่ค้า ทั้งนี้ บริษัทฯ ส่งเสริมให้พนักงานและคู่ค้า ยึดถือและปฏิบัติตามกำหนดจรรยาบรรณในการดำเนินธุรกิจของผู้ผลิต จัดหาสินค้า วัตถุดิบ และการบริการ เพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์น้ำ นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้ร่วมมือกับคู่ค้า ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มปตท. ผ่านการดำเนินการของทีมบริหารจัดการน้ำของกลุ่มปตท. (PTT Group Water Management Team: PTTWT) เพื่อทำการประเมินความเสี่ยงของน้ำ
ศูนย์ปฏิบัติการน้ำภาคตะวันออก (Water War Room) จังหวัดระยอง
บริษัทฯ ร่วมมือกับบริษัทฯ ในกลุ่มปตท. 3 แห่ง ประกอบด้วย ปตท. (PTT) โกลบอลเพาเวอร์ซินเนอร์ยี่ (GPSC) และโกลว์ พลังงาน (GLOW) ในการสนับสนุนผู้มีส่วนได้เสียหลักอื่นๆ มาเป็นส่วนหนึ่งในคณะทำงานศูนย์ปฏิบัติการน้ำภาคตะวันออก (Water War Room) จังหวัดระยอง เพื่อเป็นการส่งเสริมการจัดการน้ำอย่างยั่งยืน ควบคู่ไปกับการหลีกเลี่ยงวิกฤตด้านน้ำ
โดยปัจจุบันสมาชิกของศูนย์ปฏิบัติการน้ำภาคตะวัน ประกอบไปด้วยหลายภาคส่วน ได้แก่ ชุมชนท้องถิ่น หน่วยงานภาครัฐ และกลุ่มผู้ใช้น้ำในปริมาณมาก เช่น โกลบอล ยูทิลิตี้ เซอร์วิส (GUSCO) เครือสยาม ซีเมนต์ กรุ๊ป (SCG group) การประปาส่วนภูมิภาค กลุ่มสาธารณูปโภค การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (IEAT) อีสท์วอเตอร์ กรุ๊ป (East Water Group) เป็นต้น บริษัทฯ ยังได้เข้าร่วมเป็นหนึ่งในคณะทำงานของสถาบันน้ำและสิ่งแวดล้อมเพื่อความยั่งยืน สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เพื่อแสวงหาแนวทางการบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืน
นอกจากนี้บริษัทฯ ยังร่วมมือกับคณะทำงานบริหารจัดการน้ำของกลุ่ม ปตท. (PTTWT) และคู่ค้าลำดับที่ 1 ในการจัดทำแผนความต่อเนื่องทางธุรกิจเพื่อรับมือกับภัยแล้ง และทำการวิเคราะห์ผลกระทบและติดตามระดับน้ำในอ่างเก็บหลักในจังหวัดระยองและจังหวัดชลบุรีและจันทบุรี โดยการรักษาระดับน้ำของสามอ่างหลักไม่ให้ต่ำกว่า 180 ล้าน ลบ.ม. รวมถึงการเตรียมมาตรการบรรรเทาผลกระทบในการบริหารจัดการน้ำเพื่อให้สามารถรองรับการใช้น้ำของทุกภาคส่วนเป็นระยะเวลา 20 ปี (ปี 2560 - 2580) ทั้งนี้ในปัจจุบันบริษัทฯ บรรลุเป้าหมายโดยการลดใช้น้ำร้อยละ10 ของปริมาณการใช้น้ำทั้งหมดแล้ว
โครงการฝึกอบรมพนักงานด้านบริหารจัดการน้ำ
โครงการ Electro-deionization (EDI) Technology for Water Treatment
บริษัทฯ จัดอบรมให้กับบุคลากรที่ปฏิบัติหน้าที่ในโรงงาน ให้มีความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับระบบการบำบัดน้ำแบบ Electro-deionization (EDI) Technology เพื่อนำไปสู่การเพิ่มประสิทธิภาพการปฏิบัติการและลดปริมาณน้ำที่ต้องนำเข้าจากภายนอกได้
โครงการ OZONE Technology for Cooling Water Treatment
บริษัทฯ จัดฝึกอบรมให้กับพนักงานกลุ่มวิศวกรกระบวนการผลิต (Process Engineer) ให้มีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับระบบเทคโนโลยีโอโซน (OZONE Technology) ในการใช้งานสำหรับระบบการบำบัดน้ำหล่อเย็น (Cooling Water Treatment) ซึ่งเป็นอีกหนึ่งเทคโนโลยีที่ช่วยลดการนำเข้าน้ำจากภายนอกและเพิ่มประสิทธิภาพการใช้น้ำและพลังงาน ตลอดจนลดต้นทุนในการดำเนินงานของบริษัทฯ
นอกจากนี้บริษัทฯ ยังติดตามความเสี่ยงในการขาดแคลนน้ำอย่างสม่ำเสมอ ทั้งด้านความพอเพียงของน้ำ คุณภาพน้ำ การเปลี่ยนแปลงทางกฎหมายโครงสร้างราคาน้ำ และข้อห่วงกังวลของผู้มีส่วนได้เสีย เพื่อป้องกันข้อขัดแย้งกับชุมชนและผู้มีส่วนได้เสียที่อาจเกิดขึ้น โดยบริษัทฯ ได้จัดทำมาตรการลดและป้องกันผลกระทบปัญหาด้านน้ำอย่างมีส่วนร่วมกับผู้มีส่วนได้เสีย ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว
โครงการความร่วมมือเพื่อปกป้องทรัพยากรทางทะเล (Oceans Protection and Partnership)
ความมุ่งมั่น (Commitments)
GC มุ่งมั่นในการปกป้องทรัพยากรทางทะเล โดยการปฏิบัติตามกฎระเบียบและข้อบังคับต่าง ๆ เกี่ยวกับการบริหารจัดการน้ำ และการดำเนินโครงการทั้งด้านการอนุรักษ์ รักษาทรัพยากรธรรมชาติ และการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมที่ส่งผลกระทบต่อทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง โดยใช้ความเชี่ยวชาญ และนวัตกรรมของบริษัทฯ รวมถึงการสร้างความร่วมมือกับพันธมิตรหน่วยงานภายในและภายนอก เพื่อสร้างความหลากหลายทางชีวภาพทางทะเล สร้างความมั่นคงของนิเวศทางทะเล ซึ่งเป็นแหล่งทรัพยากรที่สำคัญ พร้อมทั้งยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในชุมชนรอบพื้นที่ปฏิบัติการของบริษัทฯ และสังคมโดยรวม ตลอดจนสร้างความเชื่อมั่นในการดำเนินงานให้แก่ผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม
บริษัทฯ ในฐานะองค์กรคาร์บอนต่ำและผู้นำด้านปิโตรเคมีระดับโลก ที่ดำเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ควบคู่ไปกับการพัฒนาที่ยั่งยืน บริษัทฯ เห็นความสำคัญของการปกป้องและฟื้นฟูทรัพยากรทางทะเล โดยได้ร่วมมือกับภาครัฐ ภาคเอกชน หน่วยงานท้องถิ่น ผู้มีส่วนได้เสีย เช่น บริษัทในกลุ่ม ปตท. การท่าเรือแห่งประเทศไทย กรมเจ้าท่า กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ท้องถิ่นจังหวัดระยอง และชุมชนในพื้นที่ เป็นต้น ผ่านการดำเนินโครงการที่หลากหลาย ครอบคลุมในหลายมิติ โดยบริษัทฯ ดำเนินการอย่างใกล้ชิดกับผู้มีส่วนได้เสียในพื้นที่ แลกเปลี่ยนข้อมูลและความต้องการ รวมถึงหารือแนวทางในการดำเนินงาน เพื่อป้องกัน อนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเล รวมถึงแก้ไขปัญหา และสนองตอบต่อความต้องการของผู้มีส่วนได้เสีย เช่น การดำเนินโครงการอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลตลอดแนวชายฝั่งระยอง โดยร่วมมือกับกลุ่มประมงพื้นบ้าน และท้องถิ่น เพื่อฟื้นฟูทรัพยากรทางทะเล สร้างความยั่งยืนแก่ท้องทะเลระยอง และสร้างรายได้ให้แก่ประมงเรือเล็กพื้นบ้าน โดยได้ดำเนินการ สร้างแหล่งอาศัยสัตว์ทะเลด้วยซั้งกอ ธนาคารปู และการปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำ เป็นต้น
บริษัทฯ ร่วมกับวัดจากแดงและพันธมิตร ดำเนินโครงการอนุรักษ์และพัฒนาพื้นที่คุ้งบางกะเจ้า เพื่อลดปัญหาขยะ รวมถึงสร้างจิตสำนึกในการจัดการขยะตั้งแต่ต้นทาง ซึ่งโครงการนี้ มีการนำนวัตกรรมการแปรรูปขวดพลาสติกชนิดใสหรือโพลิเอทิลีนเทเรฟทาเลต (PET) ที่ใช้แล้ว มาผลิตเป็นเส้นใยโพลีเอสเตอร์ เพื่อนำมาทอเป็นผ้าร่วมกับเส้นใยโพลีเอสเตอร์ซิงค์ และเส้นใยฝ้าย ก่อนนำไปตัดเย็บเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ เช่น จีวร ผ้าห่ม ผ้าพิมพ์ลายไทย รองเท้า เป็นต้น
ในส่วนของการปกป้องทรัพยากรทางทะเล บริษัทฯ ดำเนินโครงการ Upcycling the Oceans, Thailand ระยะที่ 2 เพื่อสร้างสมดุลของระบบนิเวศ แก้ไขปัญหาขยะในท้องทะเล ภายใต้ความร่วมมือกับมูลนิธิ Ecoalf ผู้ก่อตั้งโครงการ Upcycling the Oceans ร่วมกับพันธมิตร กรมเจ้าท่า (จท.) การท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) และ บริษัท ขอนแก่นแหอวน จำกัด (KKF) โดยได้รับความร่วมมือจากมูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย และแบรนด์ Qualy นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้ร่วมมือกับกองทัพเรือ ดำเนินโครงการรักษ์ทะเลไทย ตามแนวพระดำริ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา เพื่อมุ่งสร้างความตระหนักในด้านสิ่งแวดล้อมและรณรงค์ให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาขยะในพื้นที่แหล่งท่องเที่ยวทางทะเลในประเทศไทยรวมถึงพื้นที่ชายฝั่ง โดยทั้งสองโครงการมีวัตถุประสงค์เพื่อมุ่งแก้ปัญหาขยะพลาสติกในทะเล นำกลับเข้าสู่ระบบด้วย YOUเทิร์น แพลตฟอร์ม ที่ริเริ่มโดยบริษัทฯ ก่อนนำมาอัพไซเคิล (Upcycle) เป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มีมูลค่าเพิ่ม ด้วยกระบวนการและเทคโนโลยีที่ทันสมัย ตามแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy)
โดยในปี 2566 บริษัทฯ สามารถนำขยะจากทะเลและแหล่งน้ำ มากกว่า 126 ตัน ผ่านโครงการต่าง ๆ เข้าสู่ระบบรีไซเคิล และอัพไซเคิล สร้างรายได้ให้แก่ชุมชนกว่า 2 ล้านบาท ทั้งนี้บริษัทฯ ยังมีกระบวนการติดตามตรวจสอบการดำเนินงานที่อาจส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศทางทะเลและชายฝั่งอย่างเคร่งครัด และสม่ำเสมอทุก 6 เดือน ตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม และมาตรการติดตามตรวจสอบคุณภาพสิ่งแวดล้อมโดยมีการรายงานต่อหน่วยงานกำกับดูแล รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
สามารถอ่านรายละเอียดการดำเนินงานที่สนับสนุนทางด้านทะเล (Oceans) เพิ่มเติมได้ที่