ความปลอดภัยส่วนบุคคล
ความปลอดภัยส่วนบุคคล (Personal Safety Management)
GRI 403-7 (2018) GRI 403-4 (2018)
บริษัทฯ พร้อมส่งเสริมการดำเนินงานของพนักงานและผู้รับเหมาให้เป็นไปตามกฎระเบียบด้านความปลอดภัยและการสร้างจิตสำนึกด้านความปลอดภัยอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทฯ ได้ตั้งเป้าหมายการบริหารงานด้านความปลอดภัยส่วนบุคคลและติดตามวัดผลผ่านตัวชี้วัดที่ชัดเจน คือ อัตราการบาดเจ็บจากการทำงาน (Total Recordable Injury Rate: TRIR) และอัตราความถี่ของการบาดเจ็บจาการทำงานถึงขั้นหยุดงาน (Lost-Time Injuries Frequency Rate: LTIFR) โดยเป้าหมายของ TRIR คือ ไม่เกิน 0.45 กรณีต่อหนึ่งล้านชั่วโมง เป้าหมายระยะยาวคือน้อยกว่า 0.35 กรณีต่อ 1 ล้านชั่วโมงการทำงานภายในปี 2570 และเป้าหมายของ LTIFR คือ 0.00 กรณีต่อหนึ่งล้านชั่วโมง (Evaluation of progress in reducing/preventing health issues/risks against targets)
บริษัทฯ วิเคราะห์ข้อมูลสถิติย้อนหลังและเทียบเคียงกับมาตรฐานระดับโลก เพื่อหาแนวทางการยกระดับวัฒนธรรมความปลอดภัยให้ตอบโจทย์ความยั่งยืน และมีความครอบคลุมกับพนักงานทุกระดับ ทำให้สถิติอุบัติเหตุด้านความปลอดภัยส่วนบุคคล (Personal Safety) ของบริษัทฯ อยู่ใน 1st Quartile ตามมาตรฐานสากล International Association of Oil & Gas Producers (IOGP) โดยกำหนดเป็นกฎเหล็กความปลอดภัยที่เกี่ยวข้องกับชีวิต หรือ Life Saving Rules
กฎพิทักษ์ชีวิต
ใช้อุปกรณ์ป้องกันการตกจากที่สูง (Safety Harness)
ปฏิบัติตามระบบใบอนุญาต ทำงาน (Work Permit) เสมอ
ตรวจสอบความสมบูรณ์ของการตัดแยก (Energy Isolation) ก่อนเริ่มงานเสมอ
ปฏิบัติตามระบบใบอนุญาต ทำงานที่อับอากาศเสมอ
ปฏิบัติตามมาตรฐานการเปิดอุปกรณ์ครั้งแรกเสมอ
ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้จัดทำโครงการด้านความปลอดภัยส่วนบุคคลสำหรับทั้งพนักงานและผู้รับเหมาที่หลากหลาย อาทิ โครงการยกระดับการกำกับดูแลหน้างานกระบวนการ Permit to Work ผ่านระบบ e-PTW, e-JSEA และ e-LOTO โครงการการควบคุมการปฏิบัติผู้รับเหมาเชิงรุก (Early Detect Low-Performance Contractors) และโครงการจัดการความเสี่ยงด้วย Engineering Control
โครงการจัดการความเสี่ยงด้วย Engineering Control
GRI 403-7 (2018)
โครงการจัดการความเสี่ยงด้วย Engineering Control
ผลจากการประเมินความเสี่ยงด้านความปลอดภัยของผู้ปฏิบัติงาน รวมถึงสถิติการเกิดอุบัติเหตุและการบาดเจ็บ พบว่า อุบัติเหตุส่วนใหญ่เกิดกับบริเวณมือและนิ้วของผู้ปฏิบัติงาน บริษัทฯ จึงจัดทำโครงการรักษ์มือ (Hand Injuries Awareness Program) ตั้งแต่ปี 2560 เพื่อลดอัตราการบาดเจ็บของพนักงานและผู้รับเหมา โดยบริษัทฯ มีการพัฒนาอุปกรณ์ลดความเสี่ยงและอุบัติเหตุที่จะเกิดขึ้นกับมือและนิ้ว อาทิ ประแจคล้องสาย และประแจตีที่มีด้ามจับแบบสปริง อีกทั้งจัดทำคู่มือการใช้อุปกรณ์ให้กับผู้ปฏิบัติงาน เพื่อเป็นแนวทางการดำเนินงานและการเลือกใช้อุปกรณ์ที่เหมาะสมสำหรับแต่ละลักษณะงาน ทั้งยังได้กำหนดกลุ่มงานที่มีความเสี่ยงสูงสำหรับอุบัติเหตุที่มือออกเป็น 7 กลุ่มอุปกรณ์ คือ 1.อุปกรณ์ถอดประกอบหน้าแปลน 2.อุปกรณ์ใช้เครื่องถ่าง (Hydraulic Flange Spreader) 3.อุปกรณ์ลิ่มถ่าง 4.อุปกรณ์ประกอบ (Flange Alignment) 5.อุปกรณ์เคลื่อนย้ายท่อ 6.อุปกรณ์ยกตะแกรงครอบท่อ (Grating) และ 7.อุปกรณ์ฉีดน้ำแรงดันสูง (Automated High Pressure Water Jet: HPWJ)
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังกำหนดให้ประเด็นการป้องกันอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับมือและนิ้ว รวมถึงปรับเพิ่มข้อกำหนดเรื่อง Special Tools เป็นหนึ่งในเกณฑ์สำหรับการประเมินคู่ค้าทางธุรกิจและผู้รับเหมา อีกทั้งยังระบุเน้นไปยังกลุ่มกิจกรรมที่เป็นสาเหตุหลักในการเกิดอุบัติเหตุเกี่ยวกับมือ โดยบังคับใช้ 7 Special Tools ตามกลุ่มอุปกรณ์ที่กำหนด ในทุกสัญญาจ้าง ให้คู่ค้าและผู้รับเหมาใช้อุปกรณ์ลดความเสี่ยงและอุบัติเหตุที่ได้รับการยอมรับจากบริษัทฯ ในขณะปฏิบัติงานอีกด้วย

นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้เพิ่มข้อกำหนดของข้อตกลงระดับการให้บริการ (Service Level Agreement) ด้านคุณภาพและความปลอดภัยในการปฏิบัติงานสำหรับคู่ค้าและกำหนดเกณฑ์ในการทำสัญญาและจัดซื้อจัดจ้าง (OHS criteria introduced in procurement and contractual requirements) โดยกำหนดให้คู่ค้าต้องมีใบอนุญาตการปฏิบัติงานและมีระบบการบริหารจัดการด้านความปลอดภัย รวมถึงต้องเตรียมความพร้อมด้านความปลอดภัยให้บุคลากรของตนเอง เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งด้านความปลอดภัยและเพิ่มความเชื่อมั่นในพื้นที่ปฏิบัติงาน
อีกทั้งบริษัทฯ ได้ประเมินความเสี่ยงของคู่ค้า ด้วยการตรวจสอบคุณสมบัติของคู่ค้าผ่านการประเมินคู่ค้าเป็นประจำทุกปี เพื่อวัดผลการดำเนินงานด้านความปลอดภัยขณะปฏิบัติงานของคู่ค้าเป็นเกณฑ์หลัก ตลอดจนตรวจประเมินคู่ค้าที่สำคัญด้าน ESG อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ได้มาซึ่งคู่ค้าและผู้รับเหมาที่มีคุณภาพและตรงตามมาตรฐานความปลอดภัย นอกจากนั้น บริษัทฯ ยังได้มีการจัดตั้งคณะกรรมการความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน (คปอ.) ซึ่งประกอบด้วยตัวแทนจากพนักงาน เพื่อกำกับดูแลการดำเนินงานด้านความปลอดภัยของบริษัทฯ รวมถึงมีการจัดประชุมเพื่อติดตามความคืบหน้าผลการดำเนินการเป็นประจำทุกเดือน
จากการดำเนินงาน ตลอดจนติดตามและประเมินผลการดำเนินการด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยของบริษัทฯ พบว่าในปี 2567 มีอัตราการบาดเจ็บจากการทำงาน (Total Recordable Injury Rate: TRIR) 0.17 ต่อ 1 ล้านชั่วโมงทำงานโดยมีแนวโน้มลดลง และมีอัตราความถี่ของการบาดเจ็บจากการทำงานถึงขั้นหยุดงาน (Lost Time Injury Frequency Rate: LTIFR) 0 ต่อ 1 ล้านชั่วโมงทำงานซึ่งมีแนวโน้มลดลงเช่นเดียวกัน (Evaluation of progress in reducing/preventing health issues/risks against targets)
ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้มุ่งมั่นพัฒนาและมีเป้าหมายไปสู่การเป็นต้นแบบด้านความปลอดภัย (Safety Leadership) ที่ดีในองค์กร
สามารถดูรายละเอียดโครงการโดดเด่นอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เพิ่มเติมได้ที่ GC Integrated Sustainability Report 2567 อาทิ
- โครงการยกระดับการกำกับดูแลหน้างานกระบวนการ Permit to Work ผ่านระบบ e-PTW, e-JSEA และ e-LOTO โดยนำระบบดิจิทัลมาพัฒนาต่อยอดเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการทำงาน
- โครงการการควบคุมการปฏิบัติผู้รับเหมาเชิงรุก (Early Detect Low-Performance Contractors) ยกระดับการจัดการด้านความปลอดภัยสำหรับผู้รับเหมา (Contractor Safety Management) เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุร้ายแรง
อัตราการบาดเจ็บจากการทำงาน (Total Recordable Injury Rate: TRIR)
(กรณีต่อ 1 ล้านชั่วโมงการทำงาน)
เป้าหมาย
ปี | เป้าหมาย | |||||
---|---|---|---|---|---|---|
2564 | 2565 | 2566 | 2567 | 2567 | 2570 | |
พนักงาน | 0.48 | 0.46 | 0.06 | 0.33 | 0.45 | 0.35 |
ผู้รับเหมา | 1.00 | 0.59 | 0.77 | 0.38 | 0.45 | 0.35 |
อัตราความถี่ของการบาดเจ็บจากการทำงานถึงขั้นหยุดงาน (Lost Time Injury Frequency Rate: LTIFR)
(กรณีต่อ 1 ล้านชั่วโมงการทำงาน)
เป้าหมาย
ปี | เป้าหมาย | |||||
---|---|---|---|---|---|---|
2564 | 2565 | 2566 | 2567 | 2567 | 2570 | |
พนักงาน | 0.06 | 0.00 | 0.00 | 0.00 | 0.00 | 0.00 |
ผู้รับเหมา | 0.32 | 0.09 | 0.24 | 0.00 | 0.00 | 0.00 |