บริษัทฯ ได้ลงทุนอย่างต่อเนื่องในการวิจัยและพัฒนา เพื่อริเริ่มสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ที่ตอบสนองแต่ความต้องการของลูกค้า เพื่อรักษาส่วนแบ่งทางการตลาด ส่งเสริมการเติบโตของธุรกิจ และสนับสนุนการดำเนินธุรกิจเพื่อมุ่งสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ นอกจากนี้บริษัทฯ ได้นำข้อคิดเห็น และข้อเสนอแนะของลูกค้าจากระบบ Customer Relationship Management: CRM

เพื่อทำความเข้าใจต่อความต้องการของลูกค้าในเชิงลึก (Voice of Customer: VoC) และนำข้อมูลที่ได้รับมาพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่สามารถตอบโจทย์การใช้งานของผู้บริโภคได้อย่างแตกต่างและตรงต่อความต้องการ (Pain Point) พร้อมทั้งส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับผู้บริโภค ภายใต้แนวคิดเคมีที่เข้าถึงทุกความสุข

ตัวอย่างนวัตกรรมด้านผลิตภัณฑ์มีดังต่อไปนี้

ผลิตภัณฑ์แปรงสีฟันจากเม็ดพลาสติกชีวภาพ (Bioplastics Toothbrush)

บริษัทฯ ได้พัฒนาพลาสติกชีวภาพ (Bioplastics) ที่ใช้ขึ้นรูปด้ามแปรงสีฟัน เพื่อทดแทนพลาสติกทั่วไปภายใต้แบรนด์ Venture ที่จัดจำหน่ายใน 7-11 ทั่วทุกสาขาในประเทศไทย นับเป็นผลิตภัณฑ์ฐานชีวภาพ (Bio-based Products) ซึ่งจะสามารถลดปริมาณการใช้แปรงพลาสติกทั่วไปได้มากกว่า 1 ล้านชิ้นต่อปี

เม็ดพลาสติกคอมพาวด์สำหรับชิ้นส่วนยานยนต์ (Plastic Compound for Automotive Industry)

บริษัทฯ พัฒนาเม็ดพลาสติกคอมพาวด์สำหรับชิ้นส่วนยานยนต์ ซึ่งผ่านการทดสอบความสามารถในการทนต่อสภาวะแวดล้อมและมาตรฐานตามข้อกำหนดของกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ นอกจากนี้บริษัทฯ ยังร่วมกับลูกค้ากำหนดสภาวะการขึ้นรูปในการผลิตผลิตภัณฑ์ โดยในปี 2562 บริษัท โซลูชั่น ครีเอชั่น จำกัด ได้จำหน่ายผลิตภัณฑ์นี้ในเชิงพาณิชย์ภายใต้แบรนด์ “PlastMate” เป็นปีที่ 4 หลังจากที่เข้าสู่อุตสาหกรรมยานยนต์เป็นครั้งแรกในปีที่แล้ว

เม็ดพลาสติกรีไซเคิลผลิตจากผลิตภัณฑ์พลาสติกที่ผ่านการใช้งานจากผู้บริโภคแล้ว (Post-Consumer Recycled (PCR) Resin)

ผลิตภัณฑ์ PCR Resin ผลิตจากผลิตภัณฑ์พลาสติกที่ผ่านการใช้งานจากผู้บริโภคแล้ว โดยผ่านกระบวนการแปรรูปขยะพลาสติกมาให้กลับมาเป็นเม็ดพลาสติก และนำกลับไปใช้ผลิตเป็นผลิตภัณฑ์พลาสติกอีกครั้ง ภายใต้แนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ซึ่งผลิตภัณฑ์ PCR Resin สามารถนำไปใช้เป็นวัตถุดิบทดแทนเม็ดพลาสติกทั่วไป เป็นการช่วยลดการใช้ทรัพยากร ลดการใช้พลังงาน และลดปัญหาขยะพลาสติกในประเทศไทย

ทั้งนี้ คาดการณ์ว่าผลิตภัณฑ์นี้จะสร้างรายได้ประมาณ 750 ล้านบาทต่อปี พร้อมกับช่วยลดขยะพลาสติกที่ถูกส่งไปหลุมฝังกลบกว่า 50,000 ตัน ในปี 2567 โดยตัวอย่างสินค้าที่ใช้ผลิตภัณฑ์ PCR ได้แก่ ขวดบรรจุภัณฑ์สำหรับโลชั่นของแบรนด์ Mistine ซึ่งมีส่วนผสมของผลิตภัณฑ์ PCR ชนิด HDPE คิดเป็นร้อยละ 25 ของวัตถุดิบทั้งหมด

เครื่องดื่มเป๊ปซี่ โดยบริษัท ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอเรจ (ประเทศไทย) จำกัด จับมือกับ สำนักงานจัดการทรัพย์สิน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (PMCU) และบริษัท เอ็นวิคโค จำกัด (หนึ่งใน GC Group) ได้ประกาศความพร้อมในการนำขวดพลาสติกรีไซเคิลที่สามารถรีไซเคิลได้ร้อยละ 100 (ขวด rPET) เป็นเจ้าแรกในตลาดเครื่องดื่มน้ำอัดลม ซึ่งเป็นการนำเสนอเทรนด์ใหม่ๆ ให้แก่ผู้บริโภค ตอบโจทย์ความต้องการของวัยรุ่นที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม โดยได้ริเริ่มติดตั้งถังขยะดีไซน์พิเศษสำหรับใส่ขวด PET ทั่วบริเวณสยาม สแควร์ ผ่านความร่วมมือกับ PMCU พร้อมทั้งผนึกกำลังกับเอ็นวิคโค ผู้ผลิตเม็ด PCR PET ที่ได้มาตรฐานสากลและผ่านการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ประเทศไทย ในการนำขยะพลาสติกเข้าสู่ระบบรีไซเคิล

นอกจากนั้น ENVICCO ยังมีบรรจุภัณฑ์พลาสติกรีไซเคิลในอุตสาหกรรมต่างๆ อาทิ อุตสาหกรรมเครื่องดื่ม เช่น โค้ก และน้ำดื่มมิเนเร่ รวมถึงอุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคบริโภค เช่น วิกซอล เป็นต้น เพื่อผลักดันการจัดการบรรจุภัณฑ์อย่างยั่งยืน

สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่: https://www.pttgcgroup.com/th/newsroom/news/1257/เครื่องดื่มเป๊ปซี่-ประกาศเริ่มใช้ขวดจากพลาสติกรีไซเคิล-100-ของ-envicco-บริษัทใน-gc-group-เป็นเจ้าแรกในตลาดน้ำอัดลมไทย-ออกสตาร์ทแคมเปญ-สำนึกซ่า-กล้าเปลี่ยนเพื่อโลก-ร่วมกับพันธมิตร

เม็ดพลาสติกสำหรับการขึ้นเส้นใยด้วยเครื่องจักรความเร็วสูง (Monofilament for High Speed Production Machine)

บริษัทฯ พัฒนาปรับปรุงคุณสมบัติของเม็ดพลาสติกให้สอดรับกับเครื่องจักรขึ้นเส้นใย Monofilament แบบความเร็วสูงของลูกค้า พร้อมทั้งเพิ่มคุณสมบัติของเม็ดพลาสติกให้สามารถขึ้นเส้นใยที่มีความเหนียวและความแข็งแรงมากกว่าเดิม ทำให้ลูกค้าลดต้นทุนและลดการสูญเสียในกระบวนการผลิต ทั้งนี้ บริษัทฯ คาดว่าโครงการนี้จะสร้างรายได้ให้บริษัทฯ ประมาณ 900 ล้านบาท

โครงการผลิตภัณฑ์พลาสติกคอมโพสิทข้ออ้อย

จากความคาดหวังของบริษัทฯ ในการขยายตลาดไปสู่กลุ่มธุรกิจก่อสร้างซึ่งประกอบไปด้วย โครงสร้างพื้นของท่าเรือ อาคารสถานที่ราชการ อาคารของเอกชน และธุรกิจบ้านจัดสรร ในปี 2566 บริษัทฯ ได้มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ในกลุ่มก่อสร้าง ในรูปแบบพลาสติกคอมโพสิทข้ออ้อย (Composite Rebar) เป็นวัสดุทดแทนเหล็กเส้น ซึ่งมีคุณสมบัติที่สามารถรับแรงดึงได้ดีมากกว่าเหล็กประมาณ 3 เท่า แต่น้ำหนักเบากว่าเหล็กถึง 4 เท่า นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติเฉพาะไม่นำไฟฟ้า ไม่เป็นสนิม ทนทานต่อไอน้ำทะเลและการกัดกร่อนของสารเคมี และสามารถตัดได้โดยไม่เกิดประกายไฟ จึงเหมาะกับงานโครงสร้างที่มีความจำเพาะ เช่น โครงสร้างที่อยู่ใกล้ชายฝั่งทะเล ห้องปฏิบัติการทางการแพทย์ เป็นต้น นอกจากนี้ยังช่วยลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกในกระบวนการผลิตกว่า ร้อยละ 20-40 เมื่อเทียบกับการผลิตเหล็กเส้น ซึ่งสอดรับนโยบายภาครัฐ ที่มุ่งสู่ Net Zero บริษัทฯ จึงวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ในกลุ่มก่อสร้างที่ตอบโจทย์ Net Zero และมีแผนที่จะขยายไปสู่ผลิตภัณฑ์อื่นๆ ในกลุ่มธุรกิจก่อสร้างต่อไป

ผลิตภัณฑ์พลาสติกที่มีคุณสมบัติการไหลได้ง่ายสำหรับการขึ้นรูปแบบหมุนเหวี่ยง (High Flow Rotational Molding Grade)

บริษัทฯ ร่วมกับบริษัท “Matrix Polymer” พัฒนาเม็ดพลาสติก LLDPE รุ่น Revolve 6105U และ Revolve N-1010 ที่มีคุณสมบัติเชิงวิศวกรรมดีเยี่ยม อาทิ ขึ้นรูปง่ายซึ่งช่วยลดระยะเวลาในการขึ้นรูปลงได้ร้อยละ 11-20 และมีพื้นผิวเรียบ สีสันสดใส อีกทั้งยังใช้พลังงานในกระบวนการผลิตต่ำกว่าการขึ้นรูปพลาสติกทั่วไป สูงสุดร้อยละ 20 ซึ่งส่งผลให้ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในกระบวนการผลิต และช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย

ผลิตภัณฑ์นี้เหมาะในการนำไปขึ้นรูปเป็นผลิตภัณฑ์ คุณภาพสูง อาทิ เฟอร์นิเจอร์ กระถางต้นไม้ อุปกรณ์ตกแต่งสวน ของเล่นเด็ก หรือชิ้นส่วนทางวิศวกรรม ซึ่งปัจจุบันผลิตภัณฑ์นี้สร้างรายได้ให้บริษัทฯ มากกว่า 45 61 ล้านบาทต่อปี และคาดว่าจะเติบโตถึง 150 ล้านบาทต่อปี ภายในปี 2568

เม็ดพลาสติกชีวภาพเพื่อสนับสนุนการแก้ปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมของประเทศ

บริษัทฯ สนับสนุนการรณรงค์ลดการใช้พลาสติกตามนโยบายของประเทศไทย โดยพัฒนาพลาสติกชีวภาพที่ย่อยสลายได้สำหรับผลิตภัณฑ์บรรจุภัณฑ์ ซึ่งตอบโจทย์การใช้งานที่มีคุณสมบัติสามารถใช้งานได้เหมือนพลาสติกทั่วไป ปลอดภัยต่อผู้บริโภคและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ไม่ทิ้งสารตกค้างเป็นไมโครพลาสติก

บริษัทฯ ยังมีผลิตภัณฑ์กระดาษเคลือบพลาสติกชีวภาพ BioPBS อื่นๆ เช่น ถาด ถ้วย ชามสัมผัสอาหาร เป็นต้น รวมทั้งหลอดดูดน้ำจากพลาสติกชีวภาพ โดยผลิตจากเม็ดพลาสติกชีวภาพคอมปาวด์ ภายใต้แบรนด์ PlastMate by GC เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และมีความปลอดภัยต่อผู้บริโภค ด้วยคุณสมบัติของหลอดพลาสติกชีวภาพที่มีอายุการใช้งาน 6 เดือน และสามารถใช้งานได้เหมือนพลาสติกทั่วไป ไม่เปื่อยยุ่ยขณะใช้งาน รสชาติอาหารไม่เปลี่ยน ส่งผลให้แบรนด์ต่างๆ ในประเทศ อาทิ Cafer Amazon, Vista Café, Au Bon Pain มีการเปลี่ยนมาใช้งานหลอดพลาสติกชีวภาพทดแทนการใช้หลอดพลาสติก เพื่อสอดรับกับมาตรการลด เลิกใช้พลาสติก ณ ขั้นตอนการบริโภค

พื้นปูกระบะ HDPE

พื้นปูกระบะ หรือ Bed Liner ที่ใช้ติดตั้งพื้นผิวของรถกระบะมักจะเป็นพื้นผิวที่เรียบและลื่น โดยการติด Bed Liner ซึ่งจะช่วยป้องกันการลื่นไถลของสิ่งของ และป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นภายในรถได้

บริษัทฯ ผู้นำด้านการผลิตเม็ดพลาสติก และเคมีภัณฑ์ ที่พัฒนาผลิตภัณฑ์ InnoPlus เกรด HD7000H และ เกรดใหม่ HD7800B สำหรับผลิต Bed Liner มีคุณสมบัติโดดเด่น

  • ทนต่อแรงกระแทก ทนการเสียดสี และปกป้องพื้นผิวของรถยนต์
  • ทนทานต่อสภาพแวดล้อมที่หลากหลาย
  • นำไปผลิตและขึ้นรูปได้ง่าย
  • มีน้ำหนักเบา ติดตั้งง่าย

การพัฒนาผลิตภัณฑ์ และเทคโนโลยีสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง บริษัทฯ จึงไม่หยุดนิ่งที่จะสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่ ที่มีคุณภาพและมีมาตรฐานระดับโลก เพื่อเติบโจทย์ความต้องการที่หลากหลายของตลาด ปัจจุบันผลิตภัณฑ์นี้สร้างรายได้ให้บริษัทฯ มากกว่า 192 ล้านบาทต่อปี และคาดว่าจะเติบโตถึง 210 ล้านบาทต่อปี ภายในปี 2567