ประเด็นความยั่งยืน
กลยุทธ์ด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และการบริหารจัดการพลังงาน
ระดับผลกระทบ
สูงมาก
ผู้มีส่วนได้เสียที่เกี่ยวข้อง
นักลงทุน
ลูกค้า
ภาครัฐ
พนักงาน
คู่ค้าและหุ้นส่วนทางธุรกิจ

เป้าหมาย

เป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
(ขอบเขต 1 และ 2) ลงร้อยละ

ภายในปี 2573

  • ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) (ขอบเขต 1 และ 2) ภายในปี พ.ศ.2593
  • ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกใน ขอบเขต 3 ให้ได้ร้อยละ 50 ภายในปี พ.ศ.2593

ความท้าทายและโอกาสทางธุรกิจ

การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศยังคงเป็นประเด็นสำคัญอันดับต้น ๆ ของโลก และของบริษัทฯ เนื่องจากอาจทำให้เกิดการหยุดชะงักของธุรกิจ เนื่องจากผลกระทบทางกายภาพ อาทิ น้ำท่วม ภัยแล้ง การขาดแคลนวัตถุดิบ การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภค และอุปสรรคทางการค้าระหว่างประเทศ นอกจากนี้ กฎหมาย กฎระเบียบ และข้อบังคับที่ภาครัฐได้กำหนดให้แต่ละภาคส่วนมีส่วนร่วมในการดำเนินการตามข้อตกลงจากการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศสมัยที่ 26 (COP26) ได้สร้างความตระหนักอย่างมากในการจำกัดการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิโลกไว้ที่ 1.5 องศาเซลเซียส ซึ่งอาจส่งผลให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้นและปิดกั้นโอกาสที่เป็นไปได้สำหรับการเติบโตของธุรกิจของบริษัทฯ ในระยะยาว

แนวทางการบริหารจัดการ (Management Approach) GRI 3-3 (2021)

กลยุทธ์ด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

บริษัทฯ กำหนดกลยุทธ์ด้านการบริหารจัดการพลังงาน และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางของ Task Force on Climate-related Financial Disclosures (TCFD) โดยมีแผนการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ที่มุ่งเน้นการลงทุนในเทคโนโลยีที่ทันสมัยเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการผลิต การบริหารจัดการพลังงานและการอนุรักษ์พลังงานให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ตลอดจนพิจารณาความเป็นไปได้ของการนำพลังงานทดแทนมาใช้ เพื่อช่วยยกระดับการดำเนินงานด้านการลดปริมาณก๊าซเรือนกระจก รวมทั้งมีแผนในการขยายขอบเขตการดำเนินงานครอบคลุมการลดก๊าซเรือนกระจกที่เกิดขึ้นโดยอ้อม (GHG Scope 3 Other Indirect Emissions) ตลอดห่วงโซ่คุณค่า

บริษัทฯ ประยุกต์ใช้หลักเศรษฐกิจหมุนเวียน เพื่อจัดการพลังงาน และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ด้วยการดำเนินการใน 3 ด้าน คือ

1) Efficiency-Driven: พัฒนาประสิทธิภาพของกระบวนการผลิตให้สามารถใช้ทรัพยากรและพลังงานอย่างคุ้มค่าสูงสุด

2) Portfolio-Driven: ปรับโครงสร้างธุรกิจในระยะยาวสู่ธุรกิจคาร์บอนต่ำโดยยังคงรักษาการเติบโตขององค์กร

3) Compensation-Driven: ประยุกต์วิธีดูดซับคาร์บอนจากธรรมชาติและ ค้นหาเทคโนโลยีดูดซับคาร์บอนมาสนับสนุนการดำเนินงานให้ได้ตามเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด

สามารถติดตามรายละเอียดแนวทางลดการปล่อยคาร์บอนสู่เป้าหมาย Net Zero เพิ่มเติมได้ที่ Net Zero

บริษัทฯ มีแนวทางการบริหารจัดการและเป้าหมายระยะกลางที่ชัดเจน ในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกร้อยละ 20 ภายในปี 2573 ซึ่งเป็นหนึ่งในกระบวนการเพื่อบรรลุเป้าหมาย Net Zero ในปี 2593 โดยการดำเนินการนั้นสอดคล้องกับความตกลงปารีส บริษัทฯ ส่งเสริมและผลักดันให้ลูกค้าและคู่ค้ามีส่วนร่วมในการมุ่งไปสู่เป้าหมาย Net Zero ยิ่งไปกว่านั้น บริษัทฯ ยังมุ่งมั่นที่จะดำเนินธุรกิจผ่านความร่วมมือและการมีส่วนร่วมกับองค์กรต่าง ๆ ทั่วโลก ทั้งนี้ เพื่อให้การดำเนินงานมีประสิทธิภาพสูงสุด บริษัทฯ ได้ผนวกรวมการมีส่วนร่วมกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย เข้าในกรอบการดำเนินงานการมุ่งสู่การเป็นองค์กรคาร์บอนต่ำ โดยการมีส่วนร่วมกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียนั้น สอดคล้องกับการเป้าหมายความตกลงปารีส และสามารถสร้างแรงผลักดันให้องค์กรบรรลุเป้าหมายการเป็นธุรกิจคาร์บอนต่ำอีกด้วย

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้กำหนดนโยบาย เป้าหมาย และตัวชี้วัดผลการดำเนินงาน (KPI) ด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เพื่อติดตามผลการดำเนินงานของบริษัทฯ และสนับสนุนความตั้งใจในการลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของนานาชาติทั่วโลก ซึ่งเป้าหมายด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของบริษัทฯ มีความสอดคล้องกับเป้าหมายในระดับประเทศและระดับโลก เช่น เป้าหมายการมีส่วนร่วมการลดก๊าซเรือนกระจกของประเทศไทย (NDCs) เป้าหมายความตกลงปารีส (Paris Agreement) จากการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ 26 (COP26) และเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน เป้าหมายที่ 7 และเป้าหมายที่ 13 ขององค์การสหประชาชาติ (UN SDGs) ตลอดจนโครงการเปิดเผยข้อมูลคาร์บอน หรือ CDP

เป้าหมายที่ 7 คือ พลังงานสะอาดที่ทุกคนเข้าถึงได้ (UN SDG 7: Affordable and Clean Energy)

เป้าหมายที่ 13 คือ การรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (UN SDG 13: Climate Action)

ทั้งนี้ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของบริษัทฯ บริษัทฯ ได้วิเคราะห์ปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ ทั้งภายในและภายนอกที่อาจเกิดขึ้นกับการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ทั้งนี้บริษัทฯ ให้ความสำคัญกับปัจจัยเสี่ยงที่เกิดขึ้นใหม่ (Emerging Risk) ที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบวงกว้างต่อบริษัทฯ และ/หรืออุตสาหกรรมในช่วงระยะเวลา 3-5 ปีข้างหน้า โดยนำระบบเตือนภัยล่วงหน้า (Early Warning System) มาประยุกต์ใช้ในการบริหารและกำหนดแนวทางการบริหารความเสี่ยงและภาวะวิกฤต เพื่อบรรเทาผลกระทบให้อยู่ในระดับที่องค์กรยอมรับได้ ภายใต้กลยุทธ์ด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของบริษัทฯ

การดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
GRI 305-1 (2016,) GRI 305-2 (2016), GRI 305-3 (2016), GRI 305-4 (2016), GRI 305-5 (2016)

บัญชีการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

บริษัทฯ ได้จัดทำบัญชีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกขององค์กร โดยอ้างอิงวิธีคำนวณตามมาตรฐาน ISO 14064-1:2018, the Greenhouse Gas Protocol, American Petroleum Institute (API 2009), Intergovernmental Panel on Climate Change (IPCC) 2006 และองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) หรือ อบก. เพื่อใช้เป็นแนวทางในการบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจกของบริษัทฯ และรายงานผลการปล่อยก๊าซเรือนกระจกขององค์กรอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงการดำเนินงานตามคำแนะนำของคณะทำงานด้านการเปิดเผยข้อมูลทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับสภาพภูมิอากาศ (The Task Force on Climate-related Financial Disclosures: TCFD) มาใช้ในการประเมินต่างๆ ทั้งที่เกี่ยวข้องและไม่เกี่ยวข้องกับการเงิน และการตอบแบบประเมินด้านการบริหารจัดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) ภายใต้กรอบการประเมินของสถาบันประเมินความยั่งยืนที่น่าเชื่อถือระดับโลก CDP Climate Change

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังคงดำเนินการเก็บข้อมูลการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของกิจกรรมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง (ขอบเขต 3) ตามแนวทางการประเมิน Technical Guidance for Calculating Scope 3 Emissions ของ GHG Protocol เพื่อนำไปสู่การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจกตลอดห่วงโซ่อุปทาน จำนวนทั้งสิ้น 9 กลุ่มหลัก เพื่อให้การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจกตลอดห่วงโซ่อุปทานมีประสิทธิภาพ ได้แก่

ปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (ขอบเขต 3)

กิจกรรม ปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
(ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า)
1. การซื้อสินค้าและบริการ เช่น การได้มาซึ่งวัตถุดิบ การใช้น้ำ เป็นต้น 5,642,268
2. สินค้าทุน เช่น โรงงาน เครื่องมือ เครื่องจักร เป็นต้น 46,032
3. กิจกรรมเกี่ยวกับเชื้อเพลิงและพลังงานซึ่งไม่รวมอยู่ในขอบเขตที่ 1 และขอบเขตที่ 2 978,957
4. การขนส่งและการกระจายสินค้าของธุรกิจต้นน้ำ เช่น การขนส่งวัตถุดิบหลักทางท่อ และการซื้อไฟฟ้าผ่านระบบสายส่ง เป็นต้น 540,983
5. การขนส่งและการกระจายสินค้าของธุรกิจปลายน้ำ เช่น การขนส่งเม็ดพลาสติก เป็นต้น 22,314
6. กระบวนการผลิตผลิตภัณฑ์ เช่น การขึ้นรูปผลิตภัณฑ์จากเม็ดพลาสติก เป็นต้น 2,475,156
7. การใช้งานผลิตภัณฑ์ เช่น น้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานและไบโอดีเซล (B100) เป็นต้น 22,798,563
8. การจัดการซากของผลิตภัณฑ์ เช่น ผลิตภัณฑ์เม็ดพลาสติก เป็นต้น 990,880
9. การลงทุน 1,808,187

ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้ดำเนินการตรวจสอบข้อมูลการจัดการก๊าซเรือนกระจก ทั้งการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางตรง ทางอ้อม และทางอ้อมอื่นๆ ตามมาตรฐาน ISO 14064-1 โดยผู้ตรวจสอบภายนอก

GC Greenhouse Gas Report 2022
ดาวน์โหลด
Assurance Statement Related to GHG Report 2022
ดาวน์โหลด

การกำหนดราคาคาร์บอนภายในองค์กร (Internal Carbon Pricing)

บริษัทฯ ได้นำราคาคาร์บอนภายในองค์กร (Internal Carbon Price: ICP) มาพิจารณาผลกระทบด้านคาร์บอนต่อโครงการสำหรับประกอบการตัดสินใจการลงทุนของบริษัทฯ เพื่อให้มั่นใจได้ว่าโครงการต่าง ๆ ที่บริษัทฯ ลงทุนจะสามารถสร้างผลตอบแทนได้ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ในระยะยาว ทั้งนี้บริษัทฯ นำ ICP มาใช้เป็นปัจจัยหนึ่งร่วมกับ Marginal Abatement Costs Curve (MACC) สำหรับการตัดสินใจลงทุนในโครงการที่ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เพื่อให้บริษัทฯ สามารถบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ในปี 2593 นอกจากนี้บริษัทฯ ประยุกต์ใช้ราคาคาร์บอนภายในองค์กร เพื่อบรรลุจุดประสงค์ต่างๆ โดยมีโครงการที่สำคัญ อาทิ

การประเมินโครงการติดตั้งท่อขนส่งก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากโรงงานผลิตเอทิลีนไกลคอล ไปยังลูกค้า

การผลักดันโครงการคาร์บอนต่ำ ซึ่งถูกประยุกต์เป็น Shadow ประกอบ ในเกณฑ์ตัดสินใจในการลงทุนโครงการ พลังงานแสงอาทิตย์ และพลังงานลม

การผลักดันโครงการคาร์บอนต่ำซึ่งถูกประยุกต์เป็น Shadow ประกอบในเกณฑ์ตัดสินใจในการลงทุนโครงการ พลังงานแสงอาทิตย์ และพลังงานลม การจัดตั้งทีมเฉพาะกิจในการดำเนินการร่วมกับคู่ค้าของกลุ่ม ปตท. เพื่อพัฒนาและสนับสนุนการใช้ราคาคาร์บอนภายในระหว่างองค์กร

จากการดำเนินงานเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ส่งผลให้บริษัทฯ สามารถลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่อหน่วยการผลิต ได้ดังนี้

ปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (ขอบเขตที่ 1 และ 2)

ผลการประเมิน
  2562 2563 2564 2565
ปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
(ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า)
7.8 7.8 9.0 8.6

เป้าหมายปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกปี 2565

(ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า)

ปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่อตันการผลิต (ขอบเขตที่ 1 และ 2)

ผลการดำเนินงาน
  2562 2563 2564 2565
ปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
(กิโลกรัมคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อตันการผลิต)
380.0 378.0 415.0 437.0

เป้าหมายปริมาณการปล่อยก๊าซ เรือนกระจกต่อตันผลิตภัณฑ์ปี 2565

(กิโลกรัมคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อตันการผลิต)

สามารถดูรายละเอียดโครงการด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโดดเด่นอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เพิ่มเติมได้ที่ GC Integrated Sustainability Report 2565 อาทิ

  • แนวทางลดการปล่อยคาร์บอนสู่เป้าหมาย Net Zero (Decarbonization Pathway) เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิให้เป็นศูนย์ (Net Zero Emission)
  • โครงการ PDH Optimization Model เพื่อปรับปรุงกระบวนการผลิตให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์
  • โครงการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์บนทุ่นลอยน้ำโดยร่วมมือกับ บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC ผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์แบบลอยน้ำ (Floating Solar) เพื่อใช้ในกระบวนการดำเนินงาน
  • โครงการ Reduce Water Injection at Oxidation Unit การปรับปรุงระบบการผลิตให้สามารถลดลดค่าใช้จ่าย และปริมาณน้ำเสียที่เกิดขึ้นในกระบวนการผลิต