การประเมินวัฏจักรชีวิตของผลิตภัณฑ์ (Life Cycle Assessment)

บริษัทฯ ได้ดำเนินโครงการศึกษาการจัดการวัฏจักรชีวิตของผลิตภัณฑ์ (Life Cycle Management: LCM) อันประกอบด้วย 3 โครงการย่อย ได้แก่

  • การออกแบบเชิงนิเวศเศรษฐกิจ (Eco-Design) เป็นแนวทางที่ใช้ในการออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยใช้กระบวนการที่รวมแนวคิดด้านเศรษฐศาสตร์และสิ่งแวดล้อมเข้าไปในขั้นตอนการออกแบบ เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและตอบสนองความต้องการของลูกค้า
  • การประเมินวัฏจักรชีวิตของผลิตภัณฑ์ (Life Cycle Assessment: LCA) เป็นเครื่องมือสำหรับใช้ในการประเมินผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมหลากหลายด้าน โดยพิจารณาตลอดวัฏจักรชีวิตของผลิตภัณฑ์ เช่น ภาวะโลกร้อน การลดลงของทรัพยากร เป็นต้น
  • การประเมินประสิทธิภาพเชิงนิเวศเศรษฐกิจของผลิตภัณฑ์ (Product Eco-Efficiency) เป็นการประเมินความสัมพันธ์ระหว่างต้นทุนตลอดวัฏจักรชีวิตของผลิตภัณฑ์ (Life Cycle Cost: LCC) และผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมตลอดวัฏจักรชีวิตของผลิตภัณฑ์ (Life Cycle Assessment: LCA) เพื่อนำไปสู่การจัดการที่ยั่งยืนและการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างคุ้มค่า

การออกแบบเชิงนิเวศเศรษฐกิจ (Eco-design)

บริษัทฯ จัดทำแนวทางการออกแบบและหลักเกณฑ์การประเมินการออกแบบเชิงนิเวศเศรษฐกิจโดยอ้างอิงมาตรฐาน ISO 14062 เพื่อใช้ประกอบการพิจารณาออกแบบผลิตภัณฑ์ใหม่ และการประเมินคุณสมบัติของผลิตภัณฑ์ ครอบคลุมตลอดวัฏจักรชีวิตของผลิตภัณฑ์ดังนี้

ช่วงวัฏจักรชีวิตของผลิตภัณฑ์ หลักเกณฑ์การประเมินการออกแบบเชิงนิเวศ
วัตถุดิบสำหรับการผลิต (Raw Materials)
  • สามารถย่อยสลายได้ (Compostable)
  • สามารถแตกสลายได้ (Degradable)
  • มีอายุการใช้งานที่ยาวนาน (Extended Life Product)
  • พลังงานที่นำกลับมาใช้ใหม่ (Recovered Energy)
  • สามารถแปรสภาพใช้ใหม่ได้ (Recyclable)
  • มีส่วนประกอบจากวัสดุรีไซเคิล (Recycle Content)
  • ลดการใช้พลังงานและน้ำ (Reduced Energy and Water Consumption)
  • ลดการใช้ทรัพยากร (Reduced Resource Use)
  • สามารถใช้ซ้ำได้ (Reusable)
  • สามารถเติมใหม่ได้ (Refillable)
  • ลดของเสีย (Waste Reduction)
  • วัสดุหมุนเวียน (Renewable Material)
  • การใช้พลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy)
  • การปล่อยก๊าซเรือนกระจก (GHG emission)
การขนส่ง (Transportation)
  • ลดการใช้พลังงาน (Reduced Energy Consumption)
  • การปล่อยก๊าซเรือนกระจก (GHG emission)
กระบวนการผลิต (Production)
  • พลังงานที่นำกลับมาใช้ใหม่ (Recovered Energy)
  • ลดการใช้ทรัพยากร (Reduced Resource Use)
  • ลดของเสีย (Waste Reduction)
  • การใช้พลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy)
  • การปล่อยก๊าซเรือนกระจก (GHG emission)
การใช้งาน (Use Phase operation and servicing maintenance)
  • มีอายุการใช้งานที่ยาวนาน (Extended Life Product)
  • สามารถแปรสภาพใช้ใหม่ได้ (Recyclable)
  • สามารถใช้ซ้ำได้ (Reusable)
  • สามารถเติมใหม่ได้ (Refillable)
  • ลดของเสีย (Waste Reduction)
การจัดการผลิตภัณฑ์ที่หมดอายุการใช้งาน (End of Life Management)
  • สามารถย่อยสลายได้ (Compostable)
  • สามารถแตกสลายได้ (Degradable)
  • สามารถแปรสภาพใช้ใหม่ได้ (Recyclable)
  • ลดของเสีย (Waste Reduction)

ซึ่งบริษัทฯ มุ่งเน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในการตอบสนองความต้องการของลูกค้า พร้อมทั้งสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับบริษัทฯ ผ่านการลดการใช้วัตถุดิบ การลดการใช้พลังงาน การใช้วัสดุที่ย่อยสลายได้ การใช้พลังงานหมุนเวียน และการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

ปัจจุบัน บริษัทฯ ได้นำเกณฑ์การออกแบบเชิงนิเวศเศรษฐกิจ (Eco-Design Criteria) มาใช้ในการประเมินผลิตภัณฑ์ ซึ่งในปี 2566 มีผลิตภัณฑ์ที่เข้าข่ายผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมทั้งสิ้น 12 ผลิตภัณฑ์/กระบวนการ อาทิ ผลิตภัณฑ์ Bioplastics Toothgrush และ Post-Consumer Recycled (PCR) เป็นต้น ทั้งนี้ บริษัทฯ มีแผนต่อยอดในการประเมินประสิทธิภาพเชิงนิเวศเศรษฐกิจให้ครบทุกกลุ่มธุรกิจในอนาคต

นอกจากนี้ บริษัทฯ ประเมินวัฏจักรชีวิตของผลิตภัณฑ์ ตามมาตรฐาน ISO 14040 และ ISO 14044 ครบทุกผลิตภัณฑ์ตั้งแต่ปี 2559 ซึ่งขอบเขตของการประเมินวัฏจักรชีวิตครอบคลุมตั้งแต่การได้มาซึ่งวัตถุดิบ กระบวนการผลิต การขนส่ง การใช้งานผลิตภัณฑ์ และการจัดการซากผลิตภัณฑ์ หรือ Cradle to Grave และขอบเขตของการประเมินวัฏจักรชีวิตครอบคลุมตั้งแต่การได้มาซึ่งวัตถุดิบ การขนส่ง และกระบวนการผลิต หรือ Cradle-to-Gate รวมคิดเป็นร้อยละ 100 ของจำนวนผลิตภัณฑ์ทั้งหมด

ตัวอย่างผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการประเมินวัฏจักรชีวิตแบบ Cradle-to Grave ในปี 2560

แกลลอนสำหรับบรรจุน้ำมันหล่อลื่น

ถุงซิปล๊อคสำหรับบรรจุอาหาร

ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้ขยายผลการประเมินวัฏจักรชีวิตของผลิตภัณฑ์ (LCA) โดยจัดทำโครงการนำร่องศึกษาประสิทธิภาพเชิงนิเวศเศรษฐกิจของผลิตภัณฑ์เม็ดพลาสติกโพลิเอทิลีน ชนิดความหนาแน่นสูง (HDPE) เกรด HD6200B ในกลุ่มธุรกิจโพลิเมอร์ เพื่อประเมินความสัมพันธ์ระหว่างผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมจากการประเมินวัฎจักรชีวิตของผลิตภัณฑ์ (LCA) และการประเมินต้นทุนของผลิตภัณฑ์ (LCC) ซึ่งผลการประเมิน พบว่า ผลิตภัณฑ์ HDPE เกรด HD6200B มีประสิทธิภาพเชิงเศรษฐกิจอยู่ที่ 3,875 บาท ต่อ 1 หน่วยผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม

HDPE grade HD6200B

Life Cycle Cost (LCC) and Life Cycle Assessment (LCA)

Product Eco-Efficiency


Product Eco-Efficiency is

Baht per 1 point of environment impact

ผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ ได้รับการรับรองเครื่องหมายคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของผลิตภัณฑ์เศรษฐกิจหมุนเวียน (Carbon Footprint of Circular Economy Product: CE-CFP) จำนวน 3 เกรดผลิตภัณฑ์ เครื่องหมายคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของผลิตภัณฑ์ (Carbon Footprint of Products :CFP) จำนวน 164 เกรดผลิตภัณฑ์ จากองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) หรือ อบก. อีกทั้งบริษัทฯ ยังได้รับการรับรองเครื่องหมาย Water Footprint of Product 153 เกรดผลิตภัณฑ์ จากสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นการประเมินการใช้น้ำตลอดวัฏจักรชีวิตผลิตภัณฑ์ ตามมาตรฐาน ISO 14046

Carbon Footprint of Circular Economy Product (CE-CFP)
(เกรดผลิตภัณฑ์)

ผลการดำเนินงาน

Carbon Footprint of Products (CFP)
(เกรดผลิตภัณฑ์)

ผลการดำเนินงาน

Water Footprint of Product (WFP)
(เกรดผลิตภัณฑ์)

ผลการดำเนินงาน

GC ในฐานะขององค์กรคาร์บอนต่ำ ที่มีการดำเนินธุรกิจตามหลักแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) และ Sustainable Living พร้อมยึดมั่นในแนวทางการจัดการและการประเมินวัฏจักรชีวิตของผลิตภัณฑ์ เพื่อการมุ่งสู่การเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อม ที่จะสามารถนำร่องไปสู่การช่วยลดโลกร้อนและลดก๊าซเรือนกระจกบนพื้นฐานของความยั่งยืน (Sustainability) เพื่อชีวิตที่ยั่งยืนมากยิ่งขึ้น